สพฐ.แจ้ง หากครูอัตราจ้าง พ้นจากตำแหน่งทุกกรณี ให้ชะลอการสรรหาทดแทน ห้ามนำอัตราไปใช้ทุกกรณี
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สพฐ. มีหนังสือราชการ ถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เรื่อง การชักซ้อมแนวทางการบริหารอัตรากำลังอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ รายละเอียดดังนี้
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จัดสรรอัตราจ้าง ผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒ เพื่อดำเนินการจ้างอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ
และหากอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการว่างลงทุกกรณี ให้รายงานส่งคืนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชะลอการสรรหาอัตราจ้างผู้ปฏิปัติงานให้ราชการรายใหม่ทดแทน จนกว่าจะมีการแจ้งจัดสรรคืน ความแจ้งแล้ว นั้น
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า เนื่องจากสำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ประสานไปยังสำนักงบประมาณ พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้รับการจัดสรรงบประมาณการจ้างอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ ลดลงจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรอัตราจ้างและงบประมาณการจ้างอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารอัตรากำลังอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จึงขอชักซ้อมและกำหนดแนวทางดำเนินการบริหารอัตรากำลังอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ จำนวน ๘ ตำแหน่ง ที่ได้รับจัดสรรตามหนังสืออ้างถึง โดยให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ในกรณีที่มีผู้ปฏิบัติงานให้ราชการว่างลงทุกกรณี ให้รายงานอัตราว่างส่งคืนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ห้ามนำอัตราไปใช้ทุกกรณี และชะลอการสรรหาผู้ปฏิบัติงานให้ราชการรายใหม่มาทดแทน โดยจะดำเนินการจัดจ้างใหม่ได้ก็ต่อเมื่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดสรรอัตราคืนให้เท่านั้น หากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตรวจสอบภายหลังพบว่าอัตราจ้างที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารายงานการจ้างไม่ใช่บุคคลเดิมที่เป็นการจ้างต่อเนื่องรายเดิม โดยที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่รายงานส่งคืนอัตราว่างและนำอัตราว่างไปใช้โดยไม่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ใช้อัตราว่าง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณการจ้างที่เกิดจากการที่ไม่ปฏิบัติตามข้อสั่งการที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะไม่จัดสรรงบประมาณการจ้างให้กับอัตราจ้างดังกล่าว
๒. กรณีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีแผนการรวมสถานศึกษา ให้สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาเตรียมการบริหารจัดการเกลี่ยอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการทุกตำแหน่งตามที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เกิดประสิทธิภาพ และหากมีการควบรวมตามแผนให้ดำเนินการบริหารอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการที่เกิน โดยเกลี่ยไปให้สถานศึกษาอื่นที่ไม่มีอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการถ้าเป็นตำแหน่งว่างให้รายงานส่งคืนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากมีคนครองให้ปฏิบัติงานไปจนสิ้นสุดสัญญาจ้างในปีงบประมาณนั้น และให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารายงานส่งคืนอัตราจ้างดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ห้ามนำอัตราไปใช้ทุกกรณี
๓. กรณีที่เลิกสถานศึกษา หรือ โอนสถานศึกษาไปองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาเกลี่ยอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการทุกตำแหน่งที่ได้รับจัดสรร หากเป็นตำแหน่งที่มีคนครอง ให้เกลี่ยไปให้สถานศึกษาอื่นที่ไม่มีอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ โดยให้ปฏิบัติงานไปจนสิ้นสุดสัญญาจ้างในปีงบประมาณนั้น และให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารายงานส่งคืนอัตราจ้างดังกล่าว ไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากเป็นตำแหน่งว่างให้รายงานส่งคืนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ห้ามนำอัตราไปใช้ทุกกรณี
๔. สำหรับอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ ตำแหน่งธุรการโรงเรียน อัตราละ ๑๕,๐๐๐ บาท และธุรการโรงเรียน อัตราละ ๙,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการตามข้อ ๑ – ๓ และให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จัดทำแผนบริหารอัตรากำลังธุรการโรงเรียนในภาพรวมของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยให้บริหารอัตราจ้างธุรการโรงเรียนตามจำนวนที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ตามความจำเป็น เช่น ธุรการโรงเรียน จำนวน ๑ คน สามารถปฏิบัติงานได้มากกว่า ๑ โรงเรียน เป็นต้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ