กมว.ผุดไอเดีย เช็กสุขภาพจิตครูทำร้ายเด็ก ก่อนมาขอต่อใบอนุญาตฯ ลั่นพ.ร.บ.ลงโทษนักเรียน 50 “ไม่ห้ามตีเด็ก” ครูที่ถูกพักใบอนุญาตฯ จะต้องพบจิตแพทย์เพื่อตรวจสอบสุขภาพจิตก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าคนคนนั้นไม่มีความผิดปกติ สามารถเป็นครูได้จริง
เว็บไซต์มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 21 กันยายน ระบุถึงการประชุม กมว. รายละเอียดดังนี้ นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมกมว. ได้พิจารณาเรื่องจรรยาบรรณ โดยมีมติเพิกถอนใบอนุญาตฯ 2 ราย กรณีครูทำร้ายเด็กเกินกว่าเหตุ โดยรายหนึ่งไม้บรรทัดเหล็กเลื่อยใบหูเด็ก อีกรายเป็นกรณีครูตบเด็ก ซึ่งทั้งสองกรณี เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็กระดับประถมศึกษา
โดยทราบว่า ทางโรงเรียนต้นสังกัดของทั้งสองคนได้ย้ายทั้งคู่ออกจากงานสอนให้ไปหน้าที่อื่นแล้ว แต่เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นครูได้อีกกมว. จึงมีมติเพิกถอนใบอนุญาตฯ ทั้งนี้ ผมได้ย้ำในที่ประชุมว่า หากเกิดเหตุการณ์ครูทำร้ายเด็กอีก ต้องดำเนินการลงโทษด้วยความรวดเร็ว พักใบอนุญาตฯ และทันที โดยเฉพาะกรณีทำร้ายเด็กระดับอนุบาล และเด็กประถม เกินกว่าเหตุจนเด็กได้รับอันตราย อย่างเช่น ตบหน้า หยิกท้อง หรือทำท่าจะใช้เท้าถีบไปที่ร่างกายเด็ก” นายเอกชัย กล่าว
“ทั้งหมดนี้กมว.จะตีความไว้ก่อน ว่าครูรายนั้นมีความผิดปกติทางจิต ก่อนมาขอต่อใบอนุญาตฯ ครูที่ถูกพักใบอนุญาตฯ เหล่านี้ จะต้องพบจิตแพทย์เพื่อตรวจสอบสุขภาพจิตก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าคนคนนั้นไม่มีความผิดปกติ สามารถเป็นครูได้จริง” นายเอกชัย กล่าว
นายเอกชัย กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตามการที่กมว.มีมติเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า ต่อไปครูจะแตะต้องนักเรียนไม่ได้ อีกทั้งตามพ.ร.บ.การลงโทษนักเรียน พ.ศ.2550 ไม่มีข้อใดที่เขียนว่า ครูห้ามตีเด็ก แต่เขียนว่า การลงโทษเด็กต้องเป็นไปเพื่อการสั่งสอน ไม่ใช่ใช้อารมณ์และต้องไม่เป็นการลงโทษเกินกว่าเหตุอันเหมาะสม ดังนั้นการพิจารณาของกมว. จะยึดตามกฎหมายนี้เป็นหลัก ซึ่งกรณีการใช้ไม้บรรทัดเลื่อนหูเด็กประถมและการตบเด็กจนได้รับบาดเจ็บ จึงถือว่าเป็นความรุนแรงเกินกว่าเหตุควรลงโทษเพิกถอนใบอนุญาตฯ
ขอบคุณที่มาและเนื้อหาข่าว : เว็บไซต์ มติชนออนไลน์ วันที่ 21 กันยายน 2563