ก.ค.ศ.ปรับเกณฑ์สอบครูผู้ช่วยภาค ค เพื่อความโปร่งใส และรัดกุ-แจ้งระดับชั้นในใบสมัครเพื่อเตรียมสาธิตการสอน
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี 2563 ในส่วนของการสอบภาค ค เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณ ส่วนการขึ้นบัญชีผู้สอบบรรจุได้ก่อนหน้านี้เรากำลังพยายามเรียกมาบรรจุลงตำแหน่งว่างให้ได้มากที่สุด พร้อมกับประสานงานให้ผู้ที่ขึ้นบัญชีไว้ได้บรรจุแต่งตั้งข้ามจังหวัดได้ด้วย
นายอัมพร พินะสา เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับปรุงร่างหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ในส่วนของการประเมิน ภาค ค ซึ่งใช้วิธีการสอบสัมภาษณ์เพื่อประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งวิชาชีพ และการทดสอบการปฏิบัติการสอน เนื่องจาก ก.ค.ศ.พบว่าวิธีการประเมิน ภาค ค คือ การกำหนดให้มีการประเมินภาค ค ทุกครั้งเมื่อมีตำแหน่งว่าง อาจทำให้ไม่สามารถได้ครูมาปฏิบัติการสอนได้ทันตามความต้องการของสถานศึกษา อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขั้นตอนในการดำเนินการสอบ และต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก หากต้องมีการประเมินภาค ค ทุกครั้งที่มีตำแหน่งว่าง
เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากเหตุผลดังกล่าวที่ประชุมจึงเห็นชอบให้มีการปรับปรุงรายละเอียดในการสอบภาค ค โดยให้ผู้สมัครสอบแข่งขันแจ้งระดับการศึกษา และระดับชั้น ไว้ในใบสมัครสอบ เพื่อให้โอกาส ในการเตรียมความพร้อมในการสอบสาธิตปฏิบัติการสอน พร้อมกำหนดให้ผู้ผ่านการสอบภาค ก และภาค ข ทุกคนเข้ารับการประเมินภาค ค ในคราวเดียวกัน โดยให้มีการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้เป็นบัญชีของ กศจ. โดยให้บรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เพื่อให้มีครูปฏิบัติการสอนทันทีเมื่อมีตำแหน่งว่าง รวมถึงกำหนดให้ส่วนราชการเป็นผู้พิจารณากำหนดคุณวุฒิในประเภทวิชา หรือกลุ่มวิชาที่มีความจำเป็นหรือขาดแคลนเป็นพิเศษได้ด้วย
“หลักการสำคัญของวิธีการประเมิน ภาค ค ใช้วิธีการประเมินจากการสอบสัมภาษณ์ การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ รวมถึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์ที่มาจากผู้บริหารโรงเรียน ครู และผู้ทรงคุณวุฒิ โดยจะมีคณะกรรมการ 3 ชุดให้เลือก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการป้องกันการช่วยเหลือกัน หรือความไม่โปร่งใสได้อย่างแน่นอน เนื่องจากผู้สอบจะไม่รู้จักกรรมการว่าเป็นใครมาจากไหนบ้าง และไม่รู้ว่าจะได้คณะกรรมการชุดใดเข้ามาเป็นคณะกรรมการสอบ ทั้งนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหลักเกณฑ์ที่กำหนดออกมานี้จะสร้างความมั่นใจให้กับทุก ๆฝ่ายว่าการสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความรัดกุม และโปร่งใสอย่างแท้จริง” นายอัมพร กล่าว.
ขอบคุณที่มา : At HeaR