ชงรมว.คลัง วางแผนแก้ปัญหาหนี้ครู ชู โครงการลดเงินต้นด้วยสวัสดิการเงินฝากในอนาคต (กบข) ด้าน ธนาคารออมสิน เจรจากองทุนกบข.แล้ว ชี้ ไม่บังคับครูเข้าร่วมโครงการให้เป็นตามความสมัครใจ
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานอดีตเลขานุการ รมว.ศธ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ยังมอบหมายให้ตนดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการให้แล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้หารือร่วมกับสถาบันการเงินทั้ง ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่เป็นเจ้าหนี้หลักของกลุ่มข้าราชการครูแล้ว
โดยมีรูปแบบการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่คิดไว้ครั้งแรก คือ โครงการลดดอกเบี้ย ยืดระยะหนี้ให้ยาวขึ้น เพิ่มสภาพคล่องให้ครู ซึ่งมองว่าโครงการนี้แม้จะลดดอกเบี้ยให้ครูแต่หนี้ก็ยังมีอยู่เท่าเดิม และยังสร้างภาระให้แก่ข้าราชการครูเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้น จึงมีข้อเสนอใหม่ที่อยากจะใช้วิธีการลดเงินต้นของครูให้ได้มากที่สุดด้วยเงินสวัสดิการของครูที่เก็บเป็นเงินฝากไว้ในอนาคต เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นต้น ซึ่งจะเป็นวิธีการนำเงินฝากบางส่วนมาลดเงินต้น
แนวทางลดเงินต้นให้แก่ครูนั้น ขณะนี้ สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหน้าหนี้ครูได้ไปหารือกับกองทุน กบข.แล้ว ซึ่งโครงการลดเงินต้นจากเงินฝากที่สะสมของครูในอนาคตนั้น เราจะไม่บังคับให้ครูเข้าร่วมโครงการ แต่ให้เป็นความสมัครใจแทน โดยครูที่มีปัญหาเรื่องหนี้สินแต่ยังสามารถรับภาระผ่อนชำระไหวและไม่อยากนำเงินในอนาคตของตัวเองที่สะสมไว้มาโปะเพื่อชำระหนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีตัวเลขครูเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจำนวนกี่คน เนื่องจากเราเน้นความสมัครใจในการเข้าร่วมโครงการมากกว่า
ทั้งนี้ การลดเงินต้นได้เร็ว เชื่อว่าจะทำให้ภาระหนี้ครูลดลงไปด้วย และครูจะได้ไม่มีข้อกังวลสามารถจัดการเรียนการสอนได้เต็มศักยภาพ อย่างไรก็ตามแผนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะนำเสนอให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พิจารณาต่อไป.
ขอบคุณที่มาและอ่านต่อที่ : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 13 ตุลาคม 2563