พ้นวิกฤตโควิด-19 เข้มภาษาอังกฤษ-ดิจิทัลและเทคโนโลยี เริ่มปูพื้นภาษาตั้งแต่เด็กปฐมวัย ตั้งเป้าหมายว่าอีก 3 ปีข้างหน้าเด็กไทยจะต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้ทุกคน
เมื่อวันที่ 20 เม.ย.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการยกระดับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19คลี่คลายลง ตนจะเดินหน้าปฎิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู และนักเรียน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงภาษาอังกฤษเท่านั้นแต่รวมถึงการมีทักษะดิจิทัล และเทคโนโลยีด้วย ซึ่งแนวทางการการดำเนินการก่อนหน้าที่ตนมารับตำแหน่ง รมว.ศธ.ได้เห็นโครงการของศธ.เรื่องการยกระดับภาษาอังกฤษที่มีการดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เช่น โครงการ Boot Camp โดยนำครูภาษาอังกฤษมาอบรมพัฒนาทักษะภาษาแบบเข้มข้น เป็นต้น ส่วนนโยบายของตนที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปต่อยอดดำเนินการ คือ การพัฒนาศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ หรือ ศูนย์อีริค (ERIC) เพื่อต่อยอดเป็นสถาบันทดสอบและวางกรอบมาตรฐานภาษาอังกฤษให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอยากให้เริ่มตั้งแต่เด็กปฐมวัย โดยครูประจำชั้นสามารถต้องสอนพูดภาษาอังกฤษแบบสื่อสารในชีวิตประจำวันด้วยคำศัพท์พื้นฐานง่ายๆ ส่วนระดับเด็กโตก็จะต้องพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้แล้ว ขณะที่ผู้เรียนสายอาชีพหรือนักศึกษาอาชีวะจะต้องมีการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น โดยเด็กกลุ่มสายอาชีพตนอยากพัฒนาภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นที่ไม่ใช่แค่พูดสื่อสารได้เท่านั้น แต่เด็กอาชีวะจะต้องเรียนรู้ภาษาในสาขาวิชาที่เรียนให้ได้ด้วย เพราะตนเข้าใจถึงเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการในเรื่องภาษาของเด็กอาชีวะ ดังนั้นหลังจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นตนก็จะเดินหน้าพัฒนาภาษาอังกฤษของนักเรียนทุกระดับแบบเข้มข้นแน่นอน เนื่องจากตนตั้งเป้าหมายว่าอีก 3 ปีข้างหน้าเด็กไทยจะต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้ทุกคน
ขอบคุณที่มาและอ่านต่อที่ : เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/education/769933