สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการนับเวลาเรียน การสอนชดเชย การอนุมัติการจบการศึกษาและการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) ปีการศึกษา 2563
อ้างถึง ๑. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้สถานศึกษาในสังกัดและในกํากับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ลงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๔ ๒. หนังสือสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ศธ ๐๔๐๑๖/ว ๑๕๒๙ เรื่อง แนวปฏิบัติการนับเวลาเรียน การสอนชดเชย และการอนุมัติการจบการศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓
ตามหนังสือที่อ้างถึง ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้สถานศึกษาในสังกัดและในกํากับ ของกระทรวงศึกษาธิการ ปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๔ ถึง วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กําหนด โดยระหว่างที่สถานศึกษาปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษให้ส่วนราชการต้นสังกัดกําหนดแนวทางการเรียนการสอน ตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนดไว้ และสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แจ้งแนวปฏิบัติการนับเวลาเรียน การสอนชดเชย และการอนุมัติการจบการศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ความแจ้งแล้ว นั้น ในการนี้ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงขอซักซ้อมความเข้าใจ ดังนี้
๑. การนับเวลาเรียนและการสอนชดเชย
ให้สถานศึกษาดําเนินการตามแนวปฏิบัติการนับเวลาเรียน การสอนชดเชย และการอนุมัติ การจบการศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ตามหนังสือที่อ้างถึง ๒
๒. การอนุมัติการจบการศึกษา
๒.๑ กรณีสถานศึกษาจัดการเรียนการสอนครบตามโครงสร้างเวลาเรียน และเกณฑ์การจบ แต่ละระดับให้อนุมัติการจบการศึกษาภายในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๔
๒.๒ กรณีนักเรียนมีผลการเรียนไม่สมบูรณ์ (ติด ๐ ร มส) ให้สถานศึกษากํากับ ติดตาม ช่วยเหลือ สอนซ่อมเสริมและดําเนินการวัดและประเมินผลให้เสร็จสิ้นและอนุมัติการจบการศึกษาภายในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ดําเนินการแก้ไขผลการเรียนให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๔ เพื่อให้ทันต่อการยื่นข้อมูลประกอบการคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
๓. การจัดทําระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑)
เนื่องจากปีการศึกษา ๒๕๖๓ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้กําหนดวันประกาศผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) หลังจากวันที่นักเรียน จบการศึกษาแล้ว ภายในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๔) ทําให้สถานศึกษาไม่สามารถออกระเบียนแสดงผลการเรียน ได้ทันตามกําหนด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนักเรียนที่ต้องการไปสมัครเข้าศึกษาต่อหรือใช้ในการอื่น ดังนั้น ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สถานศึกษาอาจไม่ต้องนําผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มากรอกลงในระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) หากสถานศึกษาใดหรือหน่วยงานใดมีความประสงค์ที่จะใช้ ผลการทดสอบดังกล่าว ให้แนบใบแจ้งผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ไปกับระเบียน แสดงผลการเรียน (ปพ.๑) .
ทั้งนี้ ให้สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษากํากับ ติดตาม และให้ความช่วยเหลือการดําเนินงาน ของสถานศึกษาให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติข้างต้น โดยคํานึงถึงประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสําคัญ
ขอบคุณที่มา : สำนักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (obec.go.th)
