“เสมา2” ลั่นคะแนนสอบพิซาเด็กไทยปี 2022 พุ่งแน่
“เสมา2” ลั่นคะแนนสอบพิซาเด็กไทยปี 2022 พุ่งแน่

“เสมา2” ลั่นคะแนนสอบพิซาเด็กไทยปี 2022 พุ่งแน่

เมื่อวันที่ 28 ก.ย.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้ประชุมร่วมกับ นพ.ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานคณะกรรมการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ พิซา และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ถึงการเตรียมความพร้อมการสอบพิซาของนักเรียนไทยในปี 2022 หลังจากที่กลุ่มสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development ) หรือ OECD มีข้อสรุปร่วมกันว่าให้มีการเลื่อนการสอบพิซาในปี 2021 ออกไปเป็นระยะวลา 1 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเครื่องมือและการเก็บข้อมูล โดยเป็นที่น่ายินเพราะได้รับรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เริ่มดำเนินการพัฒนาการอ่านของเด็กไทยตามแนวทางการสอบพิซาแล้ว

“การเตรียมความพร้อมรับมือการสอบพิซาในปีหน้านี้เราได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ครูผู้สอนและนักเรียน ดำเนินการสร้างเครื่องมือที่จะให้ครูนำไปใช้ฝึกนักเรียนให้มีทักษะเรื่องการอ่านในการสอบพิซา โดยเครื่องมือดังกล่าวจะทำให้เด็กมีความสามารถในเรื่องการจับใจความ แยกประเด็น ตีความ รวมถึงประเมินค่าหาความสอดคล้องและความขัดแย้งในเนื้อหาที่อ่าน ไม่ว่าจะเป็นบทความด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เทคโนโลยี และอื่นๆ เพื่อฝึกให้เด็กเกิดความชำนาญในเรื่องทักษะการอ่าน ส่วนสสวท.ได้เข้ามาช่วยเติมเทคนิคการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้สอดคล้องกับข้อสอบของพิซา โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฎ 37 แห่งเข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ครูผู้สอน รวมถึงมีการทำวิจัยเชิงลึกถึงกลุ่มนักเรียนที่เข้าสอบพิซาด้วย” รมช.ศธ.กล่าว

คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ในเดือนสิงหาคมปี 2022 จะมีการจัดสอบพิซาขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากที่โดนเลื่อนเพราะสถานการณ์โควิดมาแล้ว 1 รอบ โดยโออีซีดีจะสุ่มตัวอย่างนักเรียนอายุ 15 ปี หรือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จาก 65 ประเทศ และมีการจัดสอบพิซาทุก 3 ปี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในการสอบปี2022 คะแนนพิซาของนักเรียนไทยจะขยับดีขึ้นอย่างแน่อน เนื่องจากเราได้มีการวางแผนและเสริมเทคนิคต่างให้แก่นักเรียนไทยมาเป็นอย่างดี เตรียมความพร้อมมาอย่างดี

ขอบคุณที่มา : Facebook เพจ At_HeaR#ข่าวจริงเข้าหู

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่