“เอกชัย” ชี้เร่งฉีดวัคซีนให้ครู 100% โดยเร็ว คาด พ.ย.น่าจะสามารถเปิดเทอม2ได้
“เอกชัย” ชี้เร่งฉีดวัคซีนให้ครู 100% โดยเร็ว คาด พ.ย.น่าจะสามารถเปิดเทอม2ได้

“เอกชัย” ชี้เร่งฉีดวัคซีนให้ครู 100% โดยเร็ว คาด พ.ย.น่าจะสามารถเปิดเทอม2ได้

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ กพฐ. ว่า ที่ประชุมได้พูดคุยถึงเรื่องแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการควบรวมหรือการเลิกสถานศึกษา ซึ่งเราต้องเร่งรัดให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เป็นผู้ดำเนินการดูแล นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเปิดภาคเรียนที่เรามองว่าการจะเปิดภาคเรียนได้เร็ว ไม่ควรห่วงเรื่องการฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียนเป็นหลัก แต่ต้องดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครูครบ 100% โดยเร็ว เพราะในแง่ของการติดเชื้อในเด็กจากตัวเลขทางสถิติพบว่ามีอัตราการติดเชื้อแล้วมีอาการป่วยร้ายแรงหรือเสียชีวิตในจำนวนที่ต่ำ ประมาณ 0.01%

ดังนั้นเมื่อพุ่งเป้าไปที่ครูให้ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100% การเปิดภาคเรียนในช่วงเดือน พ.ย.ก็น่าจะเป็นไปได้ และไม่ควรบังคับทั้งประเทศว่าต้องเปิดเทอมในเดือนไหน แต่ให้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จังหวัด พิจารณาว่าจังหวัดไหนหรือพื้นที่ไหนที่มีการระบาดไม่รุนแรงก็สามารถเปิดเทอมได้ หรือถ้าหากเปิดไม่ได้ ก็น่าจะมีทางเลือกให้เพิ่มเติม เช่น ให้เด็กมาเรียนสักครึ่งหนึ่งของนักเรียนทั้งหมด โดยเฉพาะเด็กชั้นประถมศึกษา สมมติว่ามีเด็กจำนวน 20-30 คน อาจจะสลับให้มาเรียนวันละ 5-6 คนได้ ครูก็จะได้ดูแลเด็ก ส่วนผู้ปกครองก็จะได้มีความสบายใจว่าเด็กได้มาโรงเรียน อย่างน้อยเด็กได้มาโรงเรียนทุกคนแต่อาจจะมาสัปดาห์ละครั้ง ยังดีกว่าเรียนออนไลน์ 100%

“ส่วนของการเปิดภาคเรียน โดยหลักการไม่ควรบังคับให้ทั้งประเทศเปิดและปิดในเวลาเดียวกัน ส่วนการฉีดวัคซีนก็ต้องคำนึงถึงครูทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะครูคนไทยแต่รวมถึงครูต่างชาติที่อยู่ในโรงเรียนทุกสังกัดก็ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกัน ในขณะนี้ทราบว่าครูได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 70% หากสามารถฉีดวัคซีนให้ครูได้ครบ 100% ภายในเดือน ต.ค. คาดว่าเดือน พ.ย.ก็น่าจะสามารถเปิดภาคเรียนได้

ขณะที่การฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียนนั้น ขึ้นอยู่กับการพูดคุยระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กับกระทรวงสาธารณสุข (ศธ.) ซึ่งเท่าที่ทราบ คือ หากเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และวัคซีนที่จะได้รับน่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย เพื่อความปลอดภัยในอนาคตของเด็ก แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับทาง สธ.เป็นผู้กำหนดอีกครั้ง” รศ.ดร.เอกชัย กล่าว.

ขอบคุณที่มา : At_HeaR ข่าวจริงเข้าหู

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่