ศธ.เผยแผนควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ปี พ.ศ.2563-2565 ควบรวม 5,447 โรงเรียน

สรุปแผนรวมโรงเรียนขนาดเล็ก พบ 5,447 โรง ทยอยควบรวมใน 3 ปีงบประมาณ ขณะที่ 3,364 โรงไม่ควบรวม

ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีหนังสือ ลงวันที่ 29 ส.ค.2562 แจ้งให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดร่วมมือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา รวมทั้งภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก (โรงเรียนที่มีนักเรียน 120 คนลงมา) แบบขั้นบันไดที่มีความต่อเนื่องและยั่งยืน ในเป็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 2 ปี (พ.ศ.2563-2564) และเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่ง สป.2547/2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กในภาพรวมของกระทรวงศึกษาธิการ นั้น นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า สำนักบูรณาการยุทธศาสตร์การศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้สรุปข้อมูลการทำแผนบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ได้รับจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)ทั่วประเทศแล้ว และได้รายงานต่อนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แล้ว

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 29 พ.ย. เป็นดังนี้  มีโรงเรียนทั่วประเทศที่ได้ควบรวมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 658 โรง  โรงเรียนที่จะไม่ควบรวมมีทั้งสิ้น 3,364 โรง โดยเป็นโรงเรียนที่มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่ในพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เกาะ พื้นที่สูง ทำให้ไม่สามารถไปเรียนรวมกับโรงเรียนอื่นได้ จำนวน 445 โรง และเป็นโรงเรียนที่ไม่ประสงค์ควบรวม 2,919 โรง ส่วนกรุงเทพมหานครไม่มีการควบรวม เนื่องจากไม่มีโรงเรียนขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามสำหรับโรงเรียนที่มีแผนจะควบรวมปี พ.ศ.2563-2565 มีทั้งสิ้น 5,447 โรง โดยจะควบรวมในปีงบประมาณ 2563 จำนวน  1,398 โรง ปีงบประมาณ 2564 จำนวน 2,963 โรง และปีงบประมาณ 2565 จำนวน 1,086 โรง

นายประเสริฐ กล่าวว่า ทั้งนี้ สำนักบูรณาการฯได้สังเคราะห์ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะทำงานบูรณาการจัดทำแผนบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ว่า การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อสร้างโอกาสและคุณภาพการศึกษามีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ควรมีวิธีการที่หลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นในแต่ละบริบทของพื้นที่ , การนำนักเรียนจากโรงเรียนขนาดเล็กไปเรียนโรงเรียนหลักเป็นแนวทางหนึ่งที่มีความจำเป็น

เพื่อนำไปสู่การสร้างโอกาสและคุณภาพให้แก่ผู้เรียน เพราะทำให้มีครูที่เพียงพอในการดูแลนักเรียน มีสื่อการเรียนการสอนที่เพียงพอและหลากหลาย แต่ก็ต้องฟังความเห็นจากผู้ปกครองและชุมชนด้วย อย่างไรก็ตามได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลกระทบจากการควบรวมโรงเรียน เช่น ชุมชนจะขาดสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักเรียนและผู้ปกครอง การเดินทางไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย และอาจมีผลกระทบต่อสถานภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้ประสบความสำเร็จด้วย คือ

1.รัฐควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้แก่โรงเรียนหลักอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมศักยภาพและคุณภาพของโรงเรียนหลัก โดยวางแผนและกำหนดรูปแบบการพัฒนาให้โรงเรียนสามารถบริหารจัดการอย่างมีอิสระและมีความคล่องตัว

2.รัฐต้องสนับสนุนรายจ่ายที่จำเป็นเพิ่มเติมให้แก่นักเรียนจากโรงเรียนขนาดเล็กที่ไปเรียนร่วมอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง

3.ควรต้องมีการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กกับชุมชนและผู้ปกครอง

4.ควรสร้างความมั่นใจให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กว่าจะไม่กระทบสิทธิประโยชน์และความก้าวหน้าในวิชาชีพ

และ 5. นโยบายจากส่วนกลางต้องมีความชัดเจนและต่อเนื่อง

ขอบคุณข่าว จาก เดลินิวส์ อังคารที่ 10 ธันวาคม 2562

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่