แนะครู-ผู้ปกครองสังเกตุอาการ นร.หลังพบ “ไวรัสอาร์เอสวี” ระบาดหนัก
จากข้อมูลการเฝ้าระวังเหตุการณ์ของกรมควบคุมโรค ในช่วงตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2563 ถึงปัจจุบัน พบรายงานผู้ติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus : RSV) ในหลายพื้นที่ของไทย ได้แก่ อุดรธานี อุบลราชธานี และชัยภูมิ รวมถึงพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กหญิงอายุ 10 เดือน ที่จังหวัดชัยภูมิ จากคลังข้อมูลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ปี 2560-2563 พบว่า มักพบผู้ป่วยโรคนี้ในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จังหวัดที่พบจำนวนผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ ขอนแก่น มหาสารคาม และปัตตานี
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้จะพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นฤดูกาลระบาด การติดต่อเกิดขึ้นได้ง่ายทางละอองฝอย หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อผ่านการไอ หรือจาม อาการจะเกิดขึ้นหลังจากที่สัมผัสเชื้อ 4 – 6 วัน อาการมีตั้งแต่เล็กน้อยเหมือนไข้หวัดถึงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต กลุ่มเสี่ยงที่ทำให้อาจเกิดอาการรุนแรง คือ เด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และกลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติ เป็นต้น
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำผู้ปกครอง ครู และสถานศึกษาควรสังเกตอาการบุตรหลาน และเด็กนักเรียน อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะก่อนมื้ออาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ ไม่ใช้แก้วน้ำหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น รักษาสุขอนามัยส่วนตัว หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อและการไปในสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่น ไม่ควรพาเด็กไปเล่นในที่ที่มีเด็กเล่นอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ส่วนผู้ที่ป่วยควรงดการออกนอกบ้านในช่วงที่ไม่สบาย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น และควรปิดปากปิดจมูกเวลาไอจามด้วยหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ทำความสะอาดบ้าน รวมทั้งของเล่นเด็กเป็นประจำ ควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำมากๆ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ หากเด็กมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อและพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ขอบคุณที่มาและอ่านต่อ : Facebook เพจ At_HeaR ข่าวจริงเข้าหู วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563