มาทำความรู้จัก การเรียนแบบบูรณาการ เป็นอย่างไร พร้อมแนะนำหลักสูตรอบรมออนไลน์ฟรี!! จาก Starfish Labz
แนะนำคอร์สอบรมออนไลน์ ที่ฝึกทักษะการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ สำหรับผู้สอนหรือครู เพื่อสามารถนำไปเป็นแนวทางปฎิบัติในการบูรณาการในชั้นเรียน และเพื่อช่วยลดการสอนการเรียนเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกันได้ และเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
“การเรียนแบบบูรณาการ“ เป็นคำยอดฮิตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในการปฏิรูปการศึกษาของไทย อาจกล่าวได้ว่าการเรียนรู้แบบบูรณาการนั้นเป็นแนวทางสำคัญของการปฏิรูปการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นภารกิจที่ครูในยุคปฏิรูปทุกคนจะต้องปฏิบัติ การเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นหนึ่งในรูปแบบของการเรียนรู้ที่จะทำให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ของหลักสูตรและความต้องการของผู้เรียน โดยการจัดการเรียนการสอนตามแนวนี้ จะช่วยให้เด็กตระหนักถึงความสำคัญของความเชื่อมโยงของแต่ละวิชาที่มีต่อกัน
การบูรณาการกิจกรรมหรือการศึกษาต่าง ๆ จะมีลักษณะที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ ความรู้ทางวิทย์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และศิลปะช่วยเสริมเรื่องความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจ ความสุขในการเรียนรู้ สู่การเติบโตอย่างสมดุล
องค์ประกอบ 3 ด้าน การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
ให้เกิดประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องได้รับการออกแบบที่เหมาะสม โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วนคือ
1. เนื้อหาสาระ
ประกอบด้วย หัวข้อเรื่องที่จะศึกษา ปัญหาหรือโจทย์ในการเรียนรู้
2. ทักษะและกระบวนการคิด
ครูต้องฝึกฝนเด็กให้มีทักษะการคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์ มีความเข้าใจในด้านการอ่าน การวิเคราะห์ เป็นต้น
3. การประเมินผล
พิจารณาจากผลงานของเด็กที่แสดงให้เห็นถึงทักษะต่างๆ และกระบวนการคิด ครูอาจดูจากงานเรียงความ การทำชิ้นงาน การแสดงเดี่ยวของเด็ก โครงงาน การจดบันทึก และการเข้าร่วมชั้นเรียนของเด็ก ทั้งนี้ องค์ประกอบข้างต้นของการเรียนรู้แบบบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นด้านเนื้อหาสาระ การฝึกทักษะและกระบวนการคิด และการประเมินผล จะต้องทำอย่างเชื่อมโยงกับวิชาต่างๆ ด้วย
หลักการสอนแบบบูรณาการ
สำหรับหลักสูตรการเรียนรู้แบบบูรณาการควรคำนึงถึงหลักการต่อไปนี้
1. ควรให้ความสำคัญกับเนื้อหาของสิ่งที่เด็กเรียนอย่างเป็นบูรณาการ
โดยครูต้องเลือกจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของแต่ละเนื้อหาวิชาให้เด็กเห็น เพื่อให้เด็กสามารถตั้งโจทย์หรือหัวข้อปัญหาในแต่ละวิชาได้ หัวข้อในการเรียนการสอนแบบบูรณาการจะต้องเป็นการเรียนการสอนจากของจริง และต้องเป็นประโยชน์กับตัวผู้เรียน นอกจากนี้ ครูจะต้องพัฒนาเด็กให้คุ้นเคยกับการหาความรู้ การตั้งสมมุติฐาน และวิธีการตั้งคำถามในเรื่องที่มีเนื้อหาสาระต่างๆ ในหลากหลายวิชา เพื่อให้เด็กสามารถเลือกคำถามที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง นอกจากนี้แล้ว แนวคิดหลักและวิธีการสอนที่ใช้กับหลากหลายวิชาเหล่านี้ ครูต้องสอนให้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยบูรณาการ และสอนในช่วงเวลาที่สอดคล้องกับความสนใจ ระดับสติปัญญา และพัฒนาการทางสังคมของเด็ก
2. สร้างชุมชนการเรียนรู้
ที่ทั้งครูและเด็กสามารถเลือกหัวข้อ โจทย์ และยุทธศาสตร์ในการเรียนด้วยกัน ครูและนักเรียนจะต้องรักษาดุลยภาพของประสบการณ์การเรียนรู้ระหว่างเรื่องที่ครูคิดขึ้น และเรื่องที่นักเรียนคิด
3. พัฒนาห้องเรียนให้เป็นประชาธิปไตย
เลือกหลักสูตรและจัดห้องเรียนที่ก่อให้เกิดชุมชนการเรียนรู้ ที่สามารถส่งเสริมให้นักเรียนพัฒนาทั้งความเป็นอิสระในฐานะที่เป็นผู้สืบค้นความรู้ ความสามารถในการเรียนรู้ร่วมกันกับทั้งเพื่อนนักเรียนและกับครูในการตั้งคำถาม และความสามารถสืบค้นหัวข้อการเรียน ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถแก้ปัญหา ครูต้องให้กำลังใจเด็กโดยการเพิ่มความรับผิดชอบด้านการเรียนของพวกเขา เพื่อที่เด็กจะเกิดความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่จะหาข้อมูลต่างๆ เข้าใจและถ่ายทอดความคิดของตนเองออกมาเป็นคำพูดได้ และมีความสามารถในการตัดสินใจ
4. สร้างโอกาสที่หลากหลายในการปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน
ที่มีความแตกต่างหลากหลาย อาทิเช่น การถกเถียงทางความคิด การสืบค้นความรู้ การจัดทำผลงาน การแสดงละคร และการสื่อสารผ่านสื่อต่างๆ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มนักเรียนที่มีความสามารถ มุมมอง ประสบการณ์ สีผิว และความสนใจแตกต่างกันจะส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในหมู่นักเรียน และส่งเสริมให้นักเรียนมีทัศนคติในด้านบวกต่อผู้อื่นและต่อการเรียนรู้
5. เคารพความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรม
นักเรียนควรเรียนโดยใช้ยุทธศาสตร์การเรียนรู้ที่หลากหลาย สร้างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างกว้างขวาง และมีหลายมุมมอง
6. สอนให้นักเรียนใช้ข้อมูลหลายแหล่ง
อันประกอบไปด้วยข้อมูลดิบ การพูดคุยซักถาม การสังเกตโดยตรง และการทดลอง การใช้ข้อมูลหลายแหล่งและหลากหลายเป็นผลดีกับเด็กที่มีวิธีการเรียนรู้ ความสนใจ และระดับความสามารถที่แตกต่างกัน ครูควรสอนให้เด็กเห็นความสำคัญของการตรวจสอบซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำและลดอคติ รวมทั้งพัฒนาความสามารถของเด็กในการเลือกแหล่งข้อมูลที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับการสืบค้นข้อมูลในการแก้ปัญหาต่างๆ
7. ใช้ระบบสัญลักษณ์หลากหลายรูปแบบเป็นเครื่องมือในการนำเสนอความรู้
สัญลักษณ์ที่ว่านี้อาจหมายถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ใช้ในภาษา คณิตศาสตร์ ดนตรี ศิลป รวมทั้งตาราง แผ่นชาร์จ และกราฟแผนภูมิ
8. ใช้วิธีประเมินหลายรูปแบบ
ทั้งในแง่กระบวนการและการแสดงออกทางการเรียนรู้ของเด็ก การประเมินผลในระหว่างกระบวนการตั้งคำถามควรนำนักเรียนและครูไปสู่จุดการพิจารณาเลือกเกณฑ์ร่วมกันว่า งานที่มีคุณภาพเป็นอย่างไร การตัดสินใจว่าจะสอนแบบใดควรอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์การประเมินทั้งอย่างที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ อันได้แก่การสังเกต การพิจารณาจากแฟ้มสะสมงาน และการประเมินการแสดงออกด้านการเรียนรู้ของเด็กครู เพื่อนครู และนักเรียน ล้วนได้ประโยชน์
แนะนำคอร์สอบรมออนไลน์ จาก Starfish Labz
ที่ฝึกทักษะการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ สำหรับผู้สอนหรือครู เพื่อสามารถนำไปเป็นแนวทางปฎิบัติในการบูรณาการในชั้นเรียน และเพื่อช่วยลดการสอนการเรียนเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกันได้ และเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
1.บูรณาการ : การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ เน้นให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน แก้ปัญหา และใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเอง คลิกเข้าเรียนรู้
รายละเอียดคอร์ส
การจัดเรียนรู้แบบบูรณาการ เป็นการจัดการศึกษาที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถบูรณาการความรู้ เพื่อให้นำความรู้พื้นฐานไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง พร้อมกับพัฒนาผู้เรียนให้สามารถคิดวิเคราะห์ พัฒนานวัตกรรม ควบคู่ไปกับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยผ่านการจัดการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Active Learning) ผู้เรียนจะได้บ่มเพาะทักษะในศตวรรษที่ 21 และสร้างเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์
2. Creative Independent Study Classroom Design ทำความรู้จักกับวิชา IS ในอีกมุมมองหนึ่ง สอนอย่างไรให้นักเรียนคิดเป็น วิธีการไหนที่ทำให้นักเรียนสนใจ ไม่น่าเบื่อ แถมยังสามารถนำไปใช้ได้กับทุกวิชา คลิกเข้าเรียนรู้
รายละเอียดคอร์ส
ความคิดสร้างสรรค์เป็นคุณลักษณะที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน และเป็นเรื่องที่ครูผู้สอนจะต้องให้ความสนใจละต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียนทุกคน อีกทั้งยังส่งผลโดยตรงต่อการสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในอนาคต และเป็นทักษะที่จำเป็นมากในการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ซึ่งคุณครูสามารถพัฒนาทักษะการคิดความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนได้ผ่านรายวิชาการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study)
3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ PBL การจัดประสบการณ์แบบโครงงานจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นหาคำตอบจากคำถามที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน ผ่านการวางแผนสืบค้นหาความรู้ด้วยตนเอง โดยมีคุณครูเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือในการทำโครงการ คลิกเข้าเรียนรู้
รายละเอียดคอร์ส
ศึกษาแนวคิด “การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ” การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบโครงงาน องค์ประกอบสำคัญของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงาน กระบวนการที่ผู้เรียนใช้ในการสืบเสาะเพื่อแสวงหาความรู้เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหา
4. การจัดการเรียนรู้เชิงรุก การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติจริง โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าเนื้อหาวิชา ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง คลิกเข้าเรียนรู้
รายละเอียดคอร์ส
การเรียนเชิงรุก คือ การเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับการเรียนการสอน กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดขั้นสูงและการลงมือปฏิบัติจริง โดยต้องคํานึงถึงความรู้เดิมและความต้องการของผู้เรียนเป็นสําคัญ ท้ังนี้ ผู้เรียนจะถูกเปล่ียนบทบาทจากผู้รับความรู้ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้
5. แนะนำ PBL ฉบับบ้านปลาดาว จัดการเรียนการสอนโดยใช้โครงงาน (project) เป็นพื้นฐาน เป็นหนึ่งในการเรียนรู้ที่มีเด็กเป็นศูนย์กลางที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้จากประสบการณ์ตรง คลิกเข้าเรียนรู้
รายละเอียดคอร์ส
การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning ) เป็นการเรียนรู้ที่จัดประสบการณ์โดยลงมือปฏิบัติงานจริงอย่างมีระบบให้แก่ผู้เรียนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ตรง โดยมีครูเป็นผู้กระตุ้นเพื่อนำความสนใจที่เกิดจากตัวผู้เรียนมาใช้ในการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning
6. มารู้จัก STEM Education กันเถอะ ถ้าพูดถึงสะเต็มศึกษาผู้สอนทั้งหลายอาจมีความกังวลกับการนำสะเต็มศึกษาเข้ามาสู่การจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน ดังนั้นบทเรียนนี้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ถึงการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย คลิกเข้าเรียนรู้
รายละเอียดคอร์ส
สะเต็มศึกษาไม่ได้จำกัดเฉพาะระดับประถมศึกษาไปจนถึงมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่เด็กปฐมวัยก็สามารถเรียนแบบสะเต็มศึกษาได้เช่นกัน แต่จะมีแนวทางการเรียนการสอนอย่างไร ครูผู้สอนจำเป็นต้องเข้าใจบทบาทของตนเองเพื่อที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่และเต็มศักยภาพ
นอกจากการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการจะส่งผลกระทบด้านบวกต่อการพัฒนาคุณภาพของครูเองแล้ว ยังก่อให้เกิดผลดีต่อความสัมพันธ์ทั้งกับเพื่อนครูและนักเรียนอีกด้วย ครูในฐานะผู้ออกแบบการเรียนการสอน จะหลุดพ้นจากรูปแบบการสอนที่จำเจแบบเดิมๆ ครูจะเกิดพลังในการทำงานที่มาจากการนำเนื้อหาเก่ามาจัดการโดยวิธีใหม่ นอกจากนี้ การใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบบูรณาการในหลักสูตรจะเชื่อมโยงให้ครูในสาขาวิชาต่างๆ หันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมกันพัฒนาแผนการสอน เพื่อให้หลักสูตรบรรลุเป้าหมาย แทนที่จะต่างคนต่างสอนเหมือนเดิม วิธีการเช่นนี้จะส่งเสริมให้ครูทำงานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
สำหรับประโยชน์ที่นักเรียนจะได้รับจากรูปแบบการเรียนรู้แบบบูรณาการนั้นคือ การที่ครูกับนักเรียนจะมีปฏิสัมพันธ์กันมากกว่าการเรียนรู้ในรูปแบบเดิมๆ ครูจะรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล และสามารถส่งเสริมศักยภาพของเด็กแต่ละคนที่มีแตกต่างหลากหลาย นอกจากนั้นแล้ว การเรียนรู้แบบบูรณาการยังกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในเรื่องของการวิเคราะห์ การถ่ายทอดความคิดของตนเอง และพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต
ดังนั้น การทำลายเครื่องกีดขวางเทียมที่ปิดกั้นระหว่างวิชาต่างๆ ออกไปโดยใช้รูปแบบการเรียนแบบบูรณาการ จะช่วยให้ผู้เรียนมีบริบทที่กว้างขึ้นในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ครูทุกคนทำได้ เพียงแค่ขอให้เริ่มลองลงมือทำเดี๋ยวนี้เท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.starfishlabz.com
หลักสูตรอบรมอื่นๆ คลิกที่นี่
[…] มาทำความรู้จัก “การเรียนแบบบูรณากา… […]