วิจัยเผย 48% ของเด็กไทย เคยถูกบุลลี่ อันดับ 1 คือเรื่อง รูปลักษณ์และเพศ สูงถึง 36.4%
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Cyber Bullying ที่แปลว่า การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ เป็นการกระทำรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยการใช้อำนาจเพื่อให้ผู้อื่น ตกใจกลัว รู้สึกแย่ รู้สึกไร้ค่า กลายเป็นตัวตลกของสังคม ซึ่งจะเห็นได้ชัดในยุคปัจจุบัน ที่ทุกคนมีสื่อโซเชียลอยู่ในมือ ซึ่งสิ่งนี้เปรียบเสมือนอาวุธที่คอยทิ่มแทงใจคนที่ตกเป็นเป้าหมายของสังคม ตัวอย่างเช่น การรุมด่า การใช้คำพูดสร้าง Hate Speech ซึ่งคนกระทำไม่คิดอะไร ส่วนคนถูกกระทำก็เก็บมาใส่ใจจนกลายเป็นซึมเศร้า
จากงานวิจัยและการศึกษาหลายชิ้นพบว่า สถานศึกษาเป็นแหล่งเกิดของ“วัฒนธรรมการบูลลี่” และเกิดขึ้นตั้งแต่ในระดับอนุบาล เนื่องจาก “ความไม่รู้ของเด็ก” เวลาอยู่รวมกันในสังคมแล้วเจอเพื่อนที่แตกต่าง ทำให้รู้สึกว่า ถ้าเพื่อนคนไหนที่ไม่เหมือนเรา จะเป็นตัวตลก ตัวประหลาด บวกกับว่าพอได้เริ่มล้อเลียนแล้วก็รู้สึกสนุกปาก เหมือนเป็นเรื่องขำๆในกลุ่มเพื่อน อีกทั้งพูดไปก็ไม่มีใครทำโทษอะไร เพราะผู้ใหญ่เห็นว่า “ก็แค่เด็กเล่นกัน” มันจึงถูกปลูกฝัง กลายเป็นพฤติกรรม เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างทางสังคม กลายเป็นวงจรการบูลลี่ต่อไป แล้วจะทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
อีกทั้งปัจจุบัน โลกโซเชียล ถือเป็นพื้นที่อิสระที่ให้อำนาจแก่ปัจเจกบุคคล เวลาโกรธ โมโห อารมณ์ไม่ดี ก็พิมพ์สิ่งที่ตัวเองคิดลงไปได้ จึงทำให้ลามไปเป็นการบูลลี่กลุ่มใหญ่หรือบูลลี่ใครบางคนในที่สาธารณะ และกลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต หรือกลายเป็นความรุนแรงที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ เนื่องจากในโลกออนไลน์ไม่มีกติกาหรือตัวกลางในการตัดสิน
จากสถิติการถูกรังแกบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) พบว่า 48% ของเด็กไทย เคยเกี่ยวข้องกับการรังแกบนโลกออนไลน์ ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 33% และ 41% ของเด็กไทย เคยถูกรังแกบนโลกออนไลน์ ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 39% โดยเด็กผู้ชาย 56% รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการรังแกออนไลน์มากกว่าเด็กผู้หญิง 41% และในกลุ่มของเด็กอายุ 13 ปี ขึ้นไป พบว่าเด็กผู้หญิงที่เคยถูกรังแกบนโลกออนไลน์มีจำนวน 43% ในขณะที่เด็กผู้ชายอยู่ที่ 37%
ในขณะที่แคมเปญบนทวิตเตอร์ เป็นการถามชาวทวิตว่า#คำด่าไหนฝังใจที่สุด ซึ่งได้รับความสนใจและมีคน Retweet มากกว่า 700 เรื่องราวที่โดนบูลลี่ และเราได้พบ insights ที่น่าสนใจสรุปได้ว่า ชาวทวีตเตอร์รู้สึกว่า การด่าว่าของ “พ่อแม่” และ “เพื่อนที่โรงเรียน” สร้างความเจ็บปวดฝังใจที่สุด และมีผลต่อความคิดและบุคลิกภาพในปัจจุบัน
ขอบคุณที่มาและอ่านต่อที่ เว็บไซต์ Droidsans