1 ก.พ.นี้ปรับระบบขอพระราชทานเพลิงศพ ประสานท่ีศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ห้ามขาดรับสินน้ำใจทุกกรณี
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด และผู้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบให้สามารถปฏิบัติงานในพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานได้อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของสำนักพระราชวังและเป็นแนวทาง เดียวกันทั้งประเทศ
นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวมอบนโยบายการจัดพิธีเปิดการปฏิบัติงานแก่ผู้เข้ารับการอบรมในโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพิ่มทักษะความชํานาญและแนวทางการปฏิบัติงานพิธีศพที่ได้รับพระราชทาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า การจัดฝึกอบรมครั้งนี้เพื่อให้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานทั้ง 16 ศูนย์ และผู้อำนวยการกลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด และผู้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบให้สามารถปฏิบัติงานในพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานได้อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของสำนักพระราชวังและเป็นแนวทาง เดียวกันทั้งประเทศ โดยขอให้ระลึกถึง
พระราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ทรงให้การอุปถัมภ์และห่วงใยผู้วายชนม์ที่เป็นข้าราชการ และผู้ทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน ทั้งทรงมีพระราชประสงค์ให้กับทายาทผู้วายชนม์มีความภาคภูมิใจ ขอให้ทุกคนทำงานด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง ตระหนักถึงผู้ปฏิบัติงานทุกคน และผู้วายชนม์ทุกระดับอย่างเท่าเทียม ทั้งผู้มีเกียรติสูงสุดและผู้ยากจน ทั้งมิให้มีการแอบอ้างหวังผลประโยชน์อันมิชอบ ในการทำงาน ห้ามรับสินน้ำใจใดๆทั้งสิ้น
นายกฤษศญพงษ์กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2563 การปฏิบัติงานพิธีการศพฯ จะมีการเปลี่ยนระบบงานประสานขอพระราชทานเพลิงจากเดิมจะต้องขอรับที่ส่วนกลาง ฝ่ายพระราชทานเพลิง กองพระราชพิธีสำนักพระราชวัง กรุงเทพฯ มีการปรับให้การประสานขอพระราชทานเพลิงได้ที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งได้ประสานงานไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอใช้พื้นที่ศาลากลางจังหวัดทุกแห่ง จัดสถานที่ฝ่ายพระราชทานเพลิง ประกอบพิธีรับพระราชทาน โดยจัดสถานที่ให้ถูกต้องเหมาะสม ทั้งการตั้งโต๊ะหมู่บูชา การจัดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ และการยื่นเอกสารขอรับพระราชทาน ส่วนครุภัณฑ์ที่จัดซื้อในกลุ่มพิธีต้องใช้ในงานพิธีการเท่านั้น และเครื่องประกอบเกียรติยศ ประกอบศพ ให้ดูแลรักษาให้ดี ตรวจสอบความพร้อมตลอด และให้รายงานทุกครั้งที่ใช้ ทั้งส่งกลับตรงกำหนด ห้ามนำไปใช้หรือให้ผู้ใดใช้ตามอำเภอใจโดยเด็ดขาด
“แต่ละจังหวัดจะมีข้าราชการปฏิบัติงาน 2 นาย คือ 1 นายทำหน้าที่รับเรื่อง ต้องอยู่ตลอดเวลา ผลัดเปลี่ยนกับพนักงานราชการ และอีก 1 นายตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการกลุ่ม เป็นผู้ให้นำทีมไปปฏิบัติงานในพื้นที่จริง และให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งต้องรายงานการทำงาน กำลังคนทุกฝ่าย ทุกเวลา ให้ปฏิบัติงานตามหมายรับสั่งเท่านั้น และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้กำลังพลนอกหน่วยงาน กรณีขอกำลังพลสนับสนุนงานปฏิบัติหน้าที่จากหน่วยงานอื่น ทั้งสำนักพระราชวัง ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยไม่ได้ขอหมายรับสั่งต้องรายงานมายังส่วนกลางก่อนล่วงหน้าว่าปฏิบัติหน้าที่ภารกิจใดเพื่อให้ ผอ.กองพิธี และ ผอ.ศูนย์ฯพิจารณาอนุญาตหรือไม่” นายกฤษศญพงษ์ กล่าว.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 29 ม.ค. 2563