โควิดระบาดหนัก !!! “ตรีนุช” ยันไม่มีนโยบายสั่งปิดโรงเรียน
จากกรณีโรงเรียนบุญวาทวิทยาลัย จ.ลำปาง ได้ออกประกาศแจ้งนักเรียนทุกคน เรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนในวันที่ 4 – 6 ก.ค.2565 ให้เปลี่ยนเป็นรูปแบบออนไลน์ 100% ทั้งบุคลากรครูและนักเรียน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคโควิดที่กำลังระบาดหนัก เพื่อความปลอดภัยของทุก ๆ คนในโรงเรียน จึงขอให้นักเรียนปรับรูปแบบเป็นการเรียนออนไลน์ตามวันเวลาที่กำหนดนั้น
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แจ้งเขตพื้นที่การศึกษาลงไปตรวจสอบดูแลความเรียบร้อย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยด้านสุขภาพแก่ครูและนักเรียน ซึ่งมาตรการการเปิดภาคเรียนแบบออนไซต์ถือว่าโรงเรียนทุกแห่งได้มีมาตรการแผนเผชิญเหตุทำได้เป็นอย่างดี เช่น การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากาอนามัยตลอดเวลา เป็นต้น
ทั้งนี้หากพบนักเรียนติดเชื้อเกิดขึ้นโรงเรียนมีอำนาจในการบริหารจัดการได้เอง ซึ่งจะสั่งปิดทั้งโรงเรียนหรือปิดเฉพาะชั้นเรียนก็ได้ เพราะเราไม่มีนโยบายสั่งปิดโรงเรียนอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากการเรียนการสอนที่ดีที่สุดคือการเรียนในห้องเรียนกับครูผู้สอนโดยตรง อีกทั้งเร็ว ๆ นี้รัฐบาลจะประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ดังนั้นทุกคนจะต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตามการติดเชื้อโควิดในกลุ่มนักเรียนได้รับรายงานมาโดยตลอด พร้อมกับเร่งระดมฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนตั้งแต่อายุ 6-18 ปี ซึ่งโรงเรียนทุกแห่งมีมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์ได้เอง
“ที่ผ่านมาการบริหารจัดการศึกษาภายใต้สถานการณ์โควิดได้มีมาตรการที่ดำเนินการมากว่า 2 ปี คือการเรียนรู้ 5 On คือ 1. การเรียนการสอนออนไลน์ (Online) 2.เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ตามที่ต้องการ และเลือกหัวข้อ และระยะเวลาได้ด้วยตนเองแบบเฉพาะเจาะจงได้ (On Demand) 3.การจัดการเรียนการสอนแบบทางเดียว ผ่านระบบสื่อสารช่องทางหลักโดยส่งสัญญาณจากครูผู้สอนต้นทางมาจากโรงเรียนต้นทาง (On Air) 4.การเรียนรู้สำหรับนักเรียนที่ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การรับชม โดยการนำหนังสือ แบบฝึกหัด ใบงาน (On Hand) และ5.การจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน (On Site) ดังนั้นหากโรงเรียนใดมองว่าสถานการณ์โควิดภายในโรงเรียนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถคุมได้ก็หันมาใช้มาตรการ 5 ON ดังกล่าวที่เราเคยมีการทำมาแล้วก่อนหน้านี้ได้” รมว.ศธ.กล่าว
ขอบคุณที่มา : Facebook At_HeaR ข่าวจริงเข้าหู
