กมว.ถก อนาคตอาจไม่ใช้ตั๋วผู้บริหารสถานศึกษา เน้นประสบการณ์แทน

กมว.ถก อนาคตอาจไม่ใช้ตั๋วผู้บริหารสถานศึกษา เน้นประสบการณ์แทน

ที่ประชุม กมว.ทบทวนกรณีผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ไม่จำเป็นต้องจบป.โทบริหารการศึกษา “เอกชัย” เผย อนาคตใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาจะไม่มี แต่เน้นประสบการณ์แทน

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) เปิดเผยว่า ในการประชุมกมว.เมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมได้พิจารณาร่างมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาและการศึกษา ซึ่งมีความเห็นว่าอาจจะต้องพิจารณาทบทวนกรณีผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาที่ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา แต่จะต้องมีประสบการณ์การบริหารการศึกษา โดยจากนี้คณะอนุกรรมการฯ ชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะนำความเห็นนี้ไปดำเนินการปรับปรุงร่างมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาและการศึกษา เมื่อแล้วเสร็จจะเสนอให้ที่ประชุมสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ แห่งประเทศไทยพิจารณา และขั้นตอนต่อไปก็จะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นแบบกลุ่ม (Focus Group) โดยเชิญผู้อำนวยการ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เข้าร่วม เมื่อได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว ก็จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม กมว. ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการคุรุสภาพิจารณาและประกาศเป็นข้อบังคับต่อไป

“สาเหตุที่เราต้องปรับร่างมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาและการศึกษา เพื่อที่จะทำให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเน้นเรื่องสมรรถนะให้มากขึ้น อีกทั้งร่างนี้ฯจะเป็นแนวทางให้มหาวิทยาลัยนำไปใช้ในการออกแบบหลักสูตร ซึ่งการปรับในครั้งนี้จะสอดคล้องกับร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติพ.ศ…ที่กำหนดให้คำว่า ผู้อำนวยการสถานศึกษา ใช้คำว่า หัวหน้าสถานศึกษาแทน และจะใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกับหัวหน้าสถานศึกษาไม่ได้ ดังนั้นจากนี้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาจะไม่มี และผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา จะต้องมีประสบการณ์การบริหาร และผ่านการดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าสถานศึกษา“ประธาน กมว.กล่าวและว่า เรื่องนี้จะช่วยแก้ปัญหามหาวิทยาลัยที่เร่งเปิดหลักสูตรบริหารสถานศึกษา เพื่อรับผู้เรียนจำนวนมากจนไม่มีประสิทธิภาพ และปัญหาที่ครูจบใหม่ ศึกษาต่อเพื่อให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อจะสอบเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน

-ขอบคุณที่มาและอ่านต่อที่ : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 5 เมษายน 2564

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่