เตรียมปรับหลักสูตร กศน. ขับเคลื่อนกิจกรรม “กศน. 1 อำเภอ 1อาชีพ” ดร.วรัท ผุดนโยบาบขับเคลื่อนงาน กศน.นำศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติ ลดเหลื่อมล้ำ เก็บเด็กตกหล่น ส่งเสริมอาชีพ
ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในปีงบประมาณ 2564 นี้ว่า ตนได้มอบนโยบายการทำงาน คือ การนำนโยบายของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ ดร.กนกวรรณ วิลาวัณย์ รมช.ศึกษาธิการ สู่การปฏิบัติ โดย รมว.ศึกษาธิการ เน้นย้ำเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำให้ กศน.เติมเต็มโอกาสให้แก่คนที่ขาดโอกาส พลาดโอกาสให้ได้รับการศึกษา ได้เรียนรู้ตลอดชีวิต ขณะที่ รมช.ศึกษาธิการ ได้ให้แนวทางด้านการฝึกอาชีพ เพื่อให้คนว่างงานและชุมชนมีงานทำ ส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องของศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ซึ่ง กศน.มีความพร้อมที่จะดำเนินการเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เลขาธิการ กศน.กล่าวต่อไปว่า เนื่องจาก กศน.อยู่ใกล้ชิดชุมชน โดยมีทั้ง กศน.จังหวัด กศน.อำเภอ กศน.ตำบล และศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงห้องสมุดประชาชน ตนจึงให้แนวทางในการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติ โดยให้ความรู้แก่ประชนชนในแนวคิดต่าง ๆ เพื่อไปสู่การปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น โคกหนองนาโมเดล การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การดูแลแม่น้ำลำคลอง โดยพยายามให้ชาวกศน.เข้าไปในชุมชน เพราะคงรอให้ประชาชนเดินเข้ามาหาอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเดินไปหาเป็นการทำงานเชิงรุก สำหรับเรื่องการพัฒนาหลักสูตรของ กศน. เนื่องจากผ่านมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า หลักสูตรของ กศน.ค่อนข้างเยอะ เรียนยาก ตนจึงมีแนวคิดว่าจะต้องมีการปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นและทันสมัยมากขึ้น ซึ่งก็คงปรับไม่มาก เพราะหลักสูตรที่มีอยู่ก็ถือว่าครอบคลุมดีอยู่แล้ว แต่เป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการเรียนแปลงของสังคม
“ด้านการฝึกอาชีพ จะมีการขับเคลื่อนกิจกรรม “กศน. 1 อำเภอ 1อาชีพ” โดยจะให้ กศน.อำเภอเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งสอดรับกับนโยบาย 5 ดี พรีเมี่ยม ของ รมช.ศึกษาธิการ ที่เป็นการยกระดับสินค้า ผลิตภัณฑ์ของประชาชน ชุมชน จากการฝึกอาชีพกับ กศน.ไปสู่การสร้างแบรนด์ของตนเอง”ดร.วรัทกล่าวและว่า สำหรับการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการและการจัดการศึกษา ก็เป็นอีกเรื่องที่ตนให้ความสำคัญมาก เพราะ กศน.ดูแลคนจำนวนมากถึง 30 ล้านคน และมีบุคลากร ข้าราชการ พนักงานราชการ รวมกว่า 20,000คน ดังนั้นข้อมูลจึงต้องมีการจัดระบบให้ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน งบประมาณ การเรียนการสอน ที่ต้องมีการพัฒนาสื่อต่าง ๆ ให้เป็นระบบดิจิทัล เพื่อให้เชื่อมโยงกับระบบ deep ของกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้เรื่องการดูแลเด็กตกหล่นจากการศึกษาในระบบ ก็เป็นงานหลักของ กศน. แต่ตนได้มอบหมายให้ทุกพื้นที่ลงไปสำรวจให้ทั่วถึงมากขึ้น เพื่อดูว่ายังมีกลุ่มไหนที่ตกหล่นอยู่บ้าง รวมทั้งเด็กพิการ เด็กเร่ร่อนที่จะต้องเข้าไปดูแลด้วย
ขอบคุณที่มาและอ่านต่อ : เว็บไซต์ focusnews.in.th ข่าวมองมุมใหม่ Five Focus วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563
