“บิ๊กตู่” จี้ ศธ.เร่งยกระดับขีดความสามารถเด็กไทย
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยเชียงราย จ.เชียงราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น Thailand-Japan Student ICT Fair 2022 (TJ-SIF2022) ตอนหนึ่งว่า ดีใจที่ได้มาเห็นความก้าวหน้า ในความร่วมมือด้านการศึกษา ระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น และหวังว่าสิ่งประดิษฐ์ด้าน ICT ของนักเรียน จะส่งผลสำคัญต่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พยายามยกระดับการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีขีดความสามารถที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและของโลกในยุคปัจจุบัน วันนี้เราต้องปรับกระบวนการเรียนการสอน ให้เด็กรู้จักคิด เปิดโลกในเรื่องการศึกษาให้กว้างขึ้น ประเทศไทยต้องการแรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถทำงานร่วมกับเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายของเราไปข้างหน้า ขอฝาก ศธ.ให้เร่งพัฒนาคน ทางรัฐบาลก็จะหาทางช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ อยากให้ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นส่งประกายไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ให้มีการพัฒนาตนเอง ซึ่งต้องหาวิธีการกระตุ้นให้ทั้งครูนักเรียนได้มีโอกาสคิด ว่าจะสร้างการเรียนรู้เหล่านี้ไปยังโรงเรียนอื่นได้อย่างไร
ด้าน น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า โครงการพัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย นับเป็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของรัฐบาล ในการขยายโอกาสทางการศึกษาสำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคและเพิ่มจำนวนผู้มีความสามารถพิเศษในระดับมัธยมศึกษา ซึ่งผลงานที่ได้เห็นในงาน TJ-SIF2022 นี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า รร.จ.ภ. ทั้ง 12 แห่ง เป็น Good practice ที่ดีต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ซึ่งความสำเร็จเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจน คือ เราสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการคิดวิเคราะห์ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างประเทศ และจะส่งผลให้นักเรียนมีความมั่นใจกล้าคิดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ และพร้อมก้าวสู่เวทีโลก ตนจะเร่งผลักดันการขยายผลการดำเนินงานของ รร.จ.ภ. ไปยังสถานศึกษาอื่น ๆ ในสังกัด ศธ. เพื่อปลูกฝังกระบวนการเรียนรู้ให้เด็กคิดเป็นทำเป็นต่อไป
ขอบคุณที่มา :: ข่าวจริงเข้าหู At_HeaR