ตั้งกมธ.แก้หนี้กยศ.

ตั้งกมธ.แก้หนี้กยศ. หนุน เปลี่ยนเงินกู้ เป็นทุน รับตลาดแรงงาน-จูงใจนศ.เรียนดี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่รัฐสภา เกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติทั่วไปเพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริง และแนวทางการบริหารจัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตามที่นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ เป็นผู้เสนอ พร้อม‪กับนำญัตติในทำนองเดียวกันอีก 9 ฉบับมาพิจารณาร่วมกัน

ทั้งนี้ การอภิปรายของสมาชิกทั้งซีกฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน ต่างอภิปรายสนับสนุนญัตติดังกล่าว โดยไม่มีเสียงคัดค้าย ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปฝ่ายค้าน ได้เสนอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 88 ให้ตั้งกมธ.วิสามัญฯคณะดังกล่าว โดยไม่ต้องลงมติ เนื่องจากที่ประชุมอภิปรายสนับสนุนกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ ก่อนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อ พิจารณาศึกษาข้อเท็จจริง และแนวทางการบริหารจัดการกองทุนกยศ.ต่อไป

ช่วงหนึ่งของการอภิปราย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายสนับสนุน ตอนหนึ่งว่า คนในฐานะผู้แทนราษฎรเห็นความสำคัญของการลดความเหลื่อมล้ำในทุกมติ ซึ่งการให้โอกาสทางการศึกษาถือว่า จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหานี้ เพราะหากประชาชนมีการศึกษาที่ดี ก็จะมีโอกาสในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ตนจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไข 4 ข้อ คือ 1.การให้ผู้กู้ยืมเงิน กยศ. ที่เรียนดี เปลี่ยนจากเงินกู้ยืมเป็นเงินทุนการศึกษา เพราะถ้าผู้กู้ตั้งใจเรียน ได้เกียรตินิยม เราควรเป็นเงินกู้เป็นทุนการศึกษาทันที เพื่อเป็นแรงจูงใจทำให้เด็กที่มีรายได้น้อยมีความุ่งมั่น เพื่อเป็นการลดรายจ่ายของผู้ปกครองได้
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า 2.ควรส่งเสริมให้เรียนในสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยอาจให้ทุนการศึกษา หรือให้ทุนเป็นสัดส่วนกู้ยืมกับทุนการศึกษา เพื่อให้ผลักดันให้เยาวชนเข้าไปเรียนในสาขาที่ตลาดแรงงานต้องการ อันจะลดปัญหาการว่างงานจนเป็นปัญหาทางสังคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย 3.หากผู้กู้ไม่มีเจตนาเบี้ยวหนี้ และมีพฤติกรรมกลับมาชำระตรงกำหนด ก็สามารถพิจารณาการยกเว้นค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าได้ และ 4.ไม่จำเป็นต้องให้มีคนค้ำประกัน เพื่อไม่ให้ผู้กู้ไปกู้เงินนอกระบบ และให้รัฐบาลมองว่าเป็นการลงทุนด้านการศึกษาเพื่อประเทศต่อไป

ขอบคุณที่มาข่าว : มติชน 20 ธันวาคม 2562

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่