ศธ.ขยายวงกู้เงินทุนหมุนเวียนช่วยหนี้ครู เพิ่มวงเงินให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 500,000 บาท

ศธ.ขยายวงกู้เงินทุนหมุนเวียนช่วยหนี้ครู เพิ่มวงเงินให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 500,000 บาท ปลัดศธ.เซ็นลงนามเพิ่มวงเงินให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 500,000 บาท จากเดิมให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 300,000 บาท ในเงินกองทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ย้ำ ไม่สร้างภาระหนี้เพิ่มให้ครูแน่

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู ได้มีมติเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการให้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู พ.ศ. 2563 โดยได้เพิ่มวงเงินให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 500,000 บาท จากเดิมให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 300,000 บาท และขยายแหล่งหนี้ 

โดยให้กู้ยืมไปชำระหนี้บัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อเงินสดที่มีอยู่เดิม ขยายระยะเวลาผ่อนชำระคืนภายใน 12 ปี (144 งวด) จากเดิมผ่อนชำระคืนภายใน 8ปี (96 งวด) รวมทั้งได้ลดระยะเวลาการรับราชการเป็น 3 ปี จากเดิมรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และให้ผู้ที่เคยกู้ยืมและชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วได้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนอีก ซึ่งขณะนี้ตนได้เซ็นลงนามร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว

ปลัดศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับร่างหลักเกณฑ์นี้จะปล่อยกู้ให้แก่ผู้ที่มีภาระหนี้สินในอัตราดอกเบี้ยสูง แต่เราจะปล่อยกู้ให้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ดังนั้นเรื่องนี้อย่ากังวลว่าจะเป็นการสร้างภาระหนี้ให้แก่ครู เพราะทางคณะกรรมการบริหารเงินทุนฯจะพิจารณาจากหลักฐานการเป็นหนี้จริงและจะไม่ให้ผู้กู้เป็นผู้ถือเงิน แต่ทางคณะกรรมการบริหารเงินทุนฯจะเป็นผู้ชำระหนี้ให้แทน ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าครูจะไม่นำเงินเหล่านี้ไปใช้อย่างอื่นได้อย่างแน่นอน

 ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้หารือกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แล้ว โดยรมว.ศธ.กำชับว่า เรื่องใดที่เป็นการช่วยลดภาระหนี้ครูก็ขอให้ดำเนินการอย่างถูกต้องและเหมาะสม สำหรับเงินกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล โดยเมื่อปี2562 มีวงเงิน จำนวน 100 ล้านบาท และปล่อยกู้ให้ครูไปแล้ว ประมาณ 5,000 คน เหลือเงิน 49 ล้านบาท แต่ในปี 2563 ได้รับงบมาเพิ่มอีก จำนวน 51 ล้านบาท ดังนั้นขณะนี้มีเงินรวมทั้งสิ้นจากกองทุนนี้ จำนวน 100 ล้านบาท

ที่มารายละเอียดของข่าว : เดลินิวส์ 21 มกราคม 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่