สรุปประเด็นที่สำคัญ การประชุมกำหนดมาตรการการปฎิบัติงานป้องกัน และแก้ไขปัญหานักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ
จากนโยบายของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ที่ว่า“โรงเรียนเป็นสถานศึกษาที่ให้ความรู้และพัฒนาคน แลเปรียบเสมือนบ้านที่ให้ความอบอุ่น และความปลอดภัย“ จึงมีการตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.) กระทรวงศึกษาธิการ ในเดือนมีนาคม 2563
เพื่อป้องกัน ปราบปราม และเยียวยา ช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ เด็ดขาด จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานกำหนดมาตการการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนนักศึกษาที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และได้มีการประชุม ในวันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2563
ซึ่ง ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ผช.ปศธ.)ได้รับมอบหมายจาก ศคพ. ให้เป็นประธานการประชุม ประกอบไปด้วยหน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ซึ่งเป็นองค์กรที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง อยู่เคียงข้างและร่วมต่อสู้ พร้อมทั้งเยียวยาผู้ถูกกระทำด้วยความทุ่มเทและเสียสละ มีทั้ง ผู้ก่อตั้งเพจ “KhangGuy-ผู้หญิงที่ชื่อข้างกาย”, มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและเครือข่ายสิทธิเด็กแห่งประเทศไทย, รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด, องค์การ UNICEF, มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี, มูลนิธิศานติวัฒนธรรม, มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก, มูลนิธิเพื่อนหญิง, มูลนิธิ แพธ ทู เฮลท์, มูลนิธิ เอ-ทเวนตี้วัน, กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายชูสิน วรเดช รองศึกษาธิการภาค 7 ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 18 นิติกร และทีมงานของกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2
ผช.ปศธ. กล่าวว่าการประชุมในครั้งนี้ท่าน รมว.ศธ. และนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ท่านที่ปรึกษา ศคพ. และนายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการ กพฐ.ต้องการได้ข้อมูลเพื่อนำสู่การปฏิบัติและจัดทำแนวทางในการปฏิบัติให้ทุกฝ่ายที่อยู่พื้นที่ สามารถปฏิบัติได้ถูกต้องและช่องทางในการขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ รวมทั้งเติมเต็มความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกำหนดมาตรการการปฎิบัติงานป้องกัน และแก้ไขปัญหานักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ซึ่งสรุปประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานร่วมกันที่เป็นการบูรณาการงานที่แท้จริงต่อไป ดังนี้
-ควรมีครูเด็กไว้วางใจ สามารถให้คำปรึกษาได้ดี พร้อมรับฟังและเป็นที่พึ่งของเด็กได้
– ควรจัดให้มีสหวิชาชีพในการดูแลคุ้มครองเด็กและผู้ปกครอง จัดหาทีมนักจิตวิทยาที่ปรึกษา เพื่อร่วมหารือกับครูประจำชั้นว่าเด็กคนไหนมีปัญหาอะไรบ้าง และจะต้องมีการติดตามด้วย
– ควรมีกองทุนฉุกเฉินในการช่วยเหลือเด็กที่ถูกล่วงละเมิด เพื่อช่วยเหลือเยียวค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล กรณีที่ถูกล่วงละเมิดจะมีค่าใช้จ่ายสูงในการตรวจรักษา บางรายการไม่สามารถเบิกได้ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กแอลดีในกรณีฝังเข็มยาคุมกำเนิดมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจะต้องได้รับการดูแลค่าตรวจรักษาทั้งหมดจากรัฐ ค่าใช้จ่ายกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศจะต้องเป็น 0 บาท ไม่ควรมีความทุกข์เรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเรื่องนี้อีก
– การล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ไม่ได้เกิดจากครูและบุคลากรทางการศึกษาเท่านั้น แต่บางกรณีเกิดจากนักเรียนด้วยกัน รวมถึงบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง จึงควรจะต้องให้ความรู้กับเด็ก ในกรณีที่โดนละเมิด จะบอกกับใคร ทำอย่างไร และจะต้องรู้ถึงช่องทางร้องเรียน
-ความปลอดภัยควรมีทั้งที่บ้าน และชุมชน ไม่ควรเฉพาะในโรงเรียน-การแก้ปัญหาควรแก้ในหลายมิติ มีปัญหาอื่นอีกที่เกี่ยวพันกับสาเหตุของการล่วงละเมิดทางเพศ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นต้น
-ครูและผู้เกี่ยวข้องควรรู้เรื่องการเก็บหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการดำเนินการคดี
-กระทรวงศึกษาธิการ ใส่เรื่องนี้เพื่อสร้างความตระหนัก ใส่ใจในความปลอดภัยของนักเรียน ในหลักสูตรการอบรมก่อนแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ และการสอบบรรจุ เพื่อจะสร้างความใส่ใจและเป็นที่พึ่งของนักเรียนและผู้ปกครองได้หลังจากมี ศคพ.
-การร่วมมือกันของทุกภาคส่วน จะทำให้ความปลอดภัยของนักเรียนเกิดขึ้นทุกที่
นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินการของคณะทำงานอีกหลายประเด็น เพื่อให้มาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหามีความถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และจรรยาบรรณวิชาชีพ บรรทัดฐานทางสังคม และความต้องการของประชาชน ในการดำรงไว้ซึ่งความปลอดภัย ความอบอุ่น ความไว้วางใจ ความศรัทธา ตลอดจนสามารถช่วยเหลือเยียวยาหากมีเหตุเกิดขึ้นได้อย่างทันการและครบถ้วน จากการประชุมครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่แค่โรงเรียนเท่านั้นที่จะต้องปลอดภัย บ้านและชุมชนก็จะต้องปลอดภัยด้วยเช่นกัน และผลจากการประชุมทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ นักเรียนปลอดภัย พร้อมที่จะร่วมมือกันทำงานนี้อย่างเข้มแข็งและหวังว่า ต่อไปจะไม่มีเหตุร้ายที่จะเกิด และการป้องกันทำได้สำเร็จ รวมทั้งการส่งต่องานให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจะร่วมมือกันแบบละลายแท่ง ละลายองค์กร แต่หลอมเป็นสังคมที่ปลอดภัย เข้มแข็ง และมีทักษะชีวิตที่ดีควบคู่กับวิชาการต่อไป
นายชนะ สุ่มมาตย์ กรรมการและเลขานุการ ศคพ. กล่าวว่าคณะทำงานฯ จะเร่งประมวลผลจากสิ่งที่มีอยู่และสิ่งที่ได้เพิ่มจากการประชุมเพื่อขับเคลื่อนจากนั้นจะประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 29 กันยายน 2563 นี้รวมทั้งจะมีแผนระยะยาวต่อไป
ขอบคุณที่มา : OBEC Channel