ส.บ.ม.ท. ทำหนังสือถึงรัฐบาลหาแหล่งเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ปิดสหกรณ์ออมทรัพย์ แก้ปัญหาหนี้ครู เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้ทำหนังสือ กราบเรียน นายกรัฐมนตรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตามที่ รัฐบาลได้กรุณาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนเนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) โดยการให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อ Soft Loan วงเงิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยคิดดอกเบี้ยเพียง ๐.๐๑ เปอร์เซ็นต์ต่อปี เพื่อปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบัน การเงิน (Non – Bank) ได้แก่ สมาคมลีสซิ่งไทย ฯลฯ และรัฐบาลยังให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกเงินกู้ Soft Loan ให้กับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษสองเปอร์เซ็นต์ต่อปี และสมาคมผู้บริหารโรงเรียน มัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์รัฐบาลขอได้โปรดช่วยเหลือครูโดยขอให้ รัฐบาลปล่อยสินเชื่อ Soft Loan ให้กับบรรดาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูได้กู้ เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูได้ให้โอกาส ครูที่เป็นลูกหนี้พักชําระหนี้และลดดอกเบี้ยให้ผู้กู้ นั้น ขณะนี้ ส.บ.ม.ท. ทราบมาว่าธนาคารพาณิชย์ได้นําเงิน จํานวนดังกล่าวออกเชิญชวนให้ผู้ประกอบการยื่นกู้โดยมีเงื่อนไขคือ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาหกเดือน และเมื่อพ้นหกเดือนไปแล้วให้เสียอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละสองต่อปี แต่ปัญหาคือมีผู้ประกอบการยื่นกู้น้อย เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว
สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เห็นว่ารัฐบาล และกระทรวง ศึกษาธิการมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยครูมีหนี้สินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งต้องเสียอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ ๖ – ๗ บาทต่อปี และมีครูจํานวนหนึ่งที่มีเงินเดือนเหลือไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ในการดํารงชีพ ดังนั้นหาก รัฐบาลจะกรุณาหาแหล่งเงินกู้ให้ครูกู้โดยเสียอัตราดอกเบี้ยร้อยละสองต่อปี เพื่อให้ครูนําเงินไปใช้หนี้สหกรณ์ให้หมด ทั้งนี้เมื่อรัฐบาลหรือธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอนุมัติเงินกู้แล้วก็ให้มีการโอนชําระหนี้ให้สหกรณ์ ออมทรัพย์ครู และมีข้อตกลงให้รัฐบาลหักเงินเดือนครูชําระหนี้ก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างยั่งยืน การหักชําระหนี้เป็นรายเดือนยังจะทําให้รัฐบาลมีเงินทุนหมุนเวียนไปทําอย่างอื่นได้อีก การดําเนินการเช่นนี้จะทําให้ ครูมีขวัญกําลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างยิ่ง อัตราเสี่ยงในเรื่องหนี้เสียก็ไม่มี เพราะรัฐบาลสามารถหักเงินเดือนครู ชําระหนี้ได้และยังมีหลักประกันเพิ่มคือการค้ำประกันหนี้ด้วยบุคคล การที่ครูผ่อนชําระหนี้โดยเสียดอกเบี้ยเพียง อัตราร้อยละสองต่อปีและเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เท่ากับการให้ผู้ประกอบการกู้ ก็จะทําให้ครูส่วนใหญ่ที่เป็นลูกหนี้ มีเงินเดือนเหลือเพียงพอในการดํารงชีพ และยังจะเป็นคุณูปการต่อครูผู้เป็นลูกหนี้สหกรณ์อมทรัพย์เป็นอย่างยิ่ง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
(นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ)
นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย