ตรีนุชตรวจเปิดเทอมวันแรกราบรื่น ลั่น ไม่มีการปิดโรงเรียนอีกแล้ว หากนักเรียนติดโควิดให้ปิดเฉพาะห้องเรียนเท่านั้น
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาเพื่อติดตามความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 และการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยน.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ตนได้รลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์สมุทรสาคร และโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย ซึ่งภาพรวมโรงเรียนที่แจ้งขอเปิดเรียนในรูปแบบปกติ หรือ onsite เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยโรงเรียนแต่ละแห่งมีมาตรการและแผนเผชิญเหตุไว้เป็นอย่างดีซึ่งโรงเรียนในพื้นที่จ.สมุทรสาคร แจ้งเปิดเรียน on site จำนวน 3 แห่ง โดยในจำนวนนี้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับวัคซีนครบทุกคนแล้ว ซึ่งโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัยเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ โดยโรงเรียรมีมาตรการเปิดเรียนด้วยการสลับวันมาเรียน กำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้องไม่เกิน 25 คน และมาตรการเว้นระยะห่าง และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
‘สำหรับการเปิดเรียนในวันที่ 1 พ.ย.นี้มีโรงเรียนสังกัดสพฐ.แจ้งเปิด 12,000 แห่งจากทั้งหมด 35,000 แห่ง และจะมีการทยอยเปิดเรียนมากขึ้นตามความพร้อมของจังหวัดและสถานศึกษาในวันที่ 15 พ.ย. โดยศธ.ไม่เน้นว่าจะต้องเปิดเรียนได้จำนวนกี่แห่ง แต่เน้นความพร้อมตามมาตรการความปลอดภัยเป็นหลัก ’ รมว.ศธ.กล่าว
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนเชื่อมั่นว่ามาตรการเปิดเรียนที่ศธ.ทำร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีความเข้นข้นในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะวันที่ 1 พ.ย.นี้โรงเรียนเปิดเรียนพร้อมกับการเปิดประเทศใน 17 จังหวัด ซึ่งขอให้ผู้ปกครองทุกคนมั่นใจว่าเรามีมาตรการและแผนเผชิญเหตุที่เข้มข้นเตรียมการไว้อย่างดี รวมถึงศธ.ได้มีคณะทำงานมอนิเตอร์ข้อมูลการเปิดเรียนใน 5 รูปแบบ คือ onsite onhand ondemand และ onair แบบเรียลไทม์ตลอดเวลา
ส่วนการตรวจATK นั้นจะไม่ใช่เป็นปัจจัยชี้วัดของการเปิดเรียน แต่จะใช้คัดกรองกับสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ดังนั้นหากพบว่ามีนักเรียนเชื้อโควิดเกิดขึ้นจะเป็นการปิดเฉพาะห้องเรียนนั้น และจะไม่มีการปิดโรงเรียนอีกแล้ว ซึ่งเราจะต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้ เนื่องจากทั่วโลกและประเทศไทยอยู่กับเชื้อโควิดมากว่า 18 เดือนแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้มีจำนวนนักเรียนนักศึกษาอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ทั่วประเทศ จำนวนผู้ประสงค์ฉีด3,820,489 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 2,833,447 คน คิดเป็น 74.16% ดังนั้นขอประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนได้เข้ามาฉีดวัคซีนเพราะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนได้
ขอบคุณที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564