ดร.แกง โพสต์อธิบาย น้ำสบู่ทำลายไวรัสได้อย่างไร ?

ดร.แกง โพสต์อธิบาย น้ำสบู่ทำลายไวรัสได้อย่างไร ?

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2563 ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟชบุ้ค ดร.แกง ถึงประสิทธิภาพของการล้างมือด้วยน้ำสบู่ ดังนี้

น้ำสบู่ทำลายไวรัสได้อย่างไร ?

ไวรัสไม่ใช่สิ่งมีชีวิต อยู่ไม่ได้ด้วยตัวเอง ไม่มีกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร ไม่มีโรงงานผลิตพลังงานของตัวเองสำหรับกระบวนการทางชีวเคมีที่ต้องสร้างและเก็บพลังงาน ในรูป adenosine triphosphate (ATP) มันต้องอาศัยสิ่งมีชีวิตอื่น เช่น แบคทีเรีย พืช สัตว์ และมนุษย์ เป็นแหล่งพักพิง (host) อาศัยเครื่องมือในการผลิตชิ้นส่วนชีวิตของไวรัส เพิ่มจำนวน และเดินทางออกจากเซลล์พักพิกไปสำรวจเนื้อเยื่อและอวัยวะอื่นๆ 

SARS-CoV-2 เป็นไวรัสที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้ มีโครงสร้างหลักสามประการคือ (1) กรดนิวคลีอิกชนิด RNA (2) capsids และ (3) การมีไขมันที่เยื่อหุ้ม envelope ที่ได้มาจากเซลล์โฮสต์ที่อยู่โดยรอบนิวคลีโอแคปซิดของไวรัส 

ไวรัสมีทั้งชนิดที่มีเยื่อหุ้ม และไม่มี พวกที่มีเยื่อหุ้มจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ไม่นานนัก ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่ไวรัสที่ระบาดในตอนนี้เป็นพวกที่มีเยื่อหุ้ม

Envelope เป็นเยื่อหุ้มของไวรัสที่ประกอบไปด้วยสารไขมันและโปรตีน เยื่อหุ้มของไวรัสจึงไวต่อการถูกทำลายด้วยน้ำสบู่

โดยโมเลกุลสบู่ มีสองส่วน คือ ส่วนหัว (ที่ชอบน้ำ) กับส่วนหาง (ที่ไม่ชอบน้ำ) ส่วนหางนี้จะไปจับกับส่วนไขมันในเยื่อหุ้มของไวรัส (ไขมันก็ที่ไม่ชอบน้ำเหมือนกัน) เมื่อไขมันถูกแย่งออกไป เยื่อหุ้มของไวรัสจึงถูกทำลาย ไวรัสจึงไม่สามารถคงอยู่ได้

ดังนั้น ล้างมือให้ถูกวิธี อย่างน้อยๆ ใน 3 สถานการณ์ คือ 
1). ออกไปที่ทำงานกับเมื่อกลับมาที่บ้าน 
2). ภายหลังสั่งน้ำมูก ไอ จาม และ
3). ก่อนรับประทานอาหารและสัมผัสอาหาร

ล้างมือแล้วก็ต้องเช็ดด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษชำระ แต่ถ้าไม่สะดวก ไม่มีน้ำ ไม่มีสบู่ ไม่มีกระดาษชำระ เดินทางอยู่ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์แทนนะครับ

คุณครูวิทยาศาสตร์ควรจะนำไปเป็นประเด็นในการนำเข้าสู่บทเรียน ได้ทั้งวิชาเคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์นะครับ นอกจากนี้กลุ่มสาระสังคมศึกษาก็มีประเด็นทางสังคมวัฒนธรรมให้ได้ร่วมอภิปรายกันครับ

น้ำสบู่ทำลายไวรัสได้อย่างไร ?
ดร.แกง โพสต์อธิบาย น้ำสบู่ทำลายไวรัสได้อย่างไร ? 3
ดร.แกง โพสต์อธิบาย น้ำสบู่ทำลายไวรัสได้อย่างไร ? 4

https://www.facebook.com/drkaeng/posts/3455155734511521

ขอบคุณที่มา : Facebook ดร.แกง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่