เปิดเทอม'63 ระวังโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในปี 2562 พบมีผู้ป่วยสูงถึง 128,401 ราย เสียชีวิต 133 ราย

เปิดเทอม’63 ระวังโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในปี 2562 พบมีผู้ป่วยสูงถึง 128,401 ราย เสียชีวิต 133 ราย

เปิดเทอม'63 ระวังโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในปี 2562 พบมีผู้ป่วยสูงถึง 128,401 ราย เสียชีวิต 133 ราย
ที่มา : กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
ที่มา : กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค

จากรายงานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในปี 2562 พบมีผู้ป่วยสูงถึง 128,401 ราย เสียชีวิต 133 ราย โดยอัตราการป่วยพบมากในช่วงหน้าฝน ดังนั้นช่วงหน้าฝนนี้ เว็บไซต์ ครูอาชีพดอทคอม จึงนำความรู้เรื่องโรคไข้เลือดออกมาฝากกัน ดังต่อไปนี้

โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค

การติดต่อของโรคนี้ไม่ติดต่อกันจากคนสู่คน แต่ติดต่อกันได้โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายตัวเมียดูดเลือดผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี เชื้อจะเข้าไปฝังตัวภายในกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุง โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 8-10 วัน เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนๆ นั้นป่วยได้ โดยมีระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสเดงกีในคนประมาณ 3-14

อาการของโรคจะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล แต่โดยส่วนใหญ่อาการที่พบ คือ

  • ไข้สูงลอย 2-7 วัน
  • มีเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบที่ผิวหนัง เป็นจุดเลือดเล็กๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน ในรายที่รุนแรงอาจอาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักจะเป็นสีดำ (melena)
  • บางรายอาจมีภาวะตับโต และอาจรู้สึกเจ็บเมื่อกดที่ชายโครงด้านขวา
  • มีภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ภาวะช็อก

การดำเนินโรคของโรคไข้เลือดออกเดงกี แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะไข้ ระยะวิกฤต/ช็อก และระยะฟื้นตัว

1. ระยะไข้

– ไข้สูงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส และไข้จะสูงลอยอยู่ 2-7 วัน
– มีเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบที่ผิวหนัง เป็นจุดเลือดเล็กๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักจะเป็นสีดำ (melena)
– มีภาวะตับโต โดยส่วนใหญ่จะคลำได้ว่าตับโตเมื่อผ่านไปประมาณ 3-4 วัน นับตั้งแต่เริ่มป่วย ในระยะที่ยังมีไข้อยู่ตับจะนุ่ม และกดเจ็บบริเวณชายโครงด้านขวา

2. ระยะวิกฤต/ช็อก

– ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไข้เลือดออกเดงกีจะมีอาการรุนแรง มีภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลวเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับตอนที่มีไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว
– ภาวะช็อกที่เกิดขึ้นนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะมีอาการแย่ลง และจะเสียชีวิตใน 12-24 ชั่วโมง หลังเริ่มมีภาวะช็อก

3. ระยะฟื้นตัว

– ระยะฟื้นตัวของผู้ป่วยโรคนี้ค่อนข้างเร็ว ในผู้ป่วยที่ไม่ช็อกเมื่อไข้ลดส่วนใหญ่ก็จะดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่มีช็อกถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยการฟื้นตัวใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ผู้ป่วยก็จะมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน

การป้องกันโรค

– จัดการสิ่งแวดล้อมด้วยในบ้านและรอบบ้านให้เป็นระเบียบ ปลอดโปร่ง
– ปิดภาชนะที่ใช้จัดเก็บน้ำให้มิดชิด ป้องกันยุงลายลงไปวางไข่
– เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำ ทุกๆ 7 วัน และระวังไม่ให้มีน้ำขัง เพื่อตัดวงจรลูกน้ำที่จะกลายเป็นยุง

*หากมีอาการผิดปกติ หรือสงสัยป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกให้รีบพบแพทย์ทันที*

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค, กระทรวงสาธารณสุข, ฝ่ายประกันสุขภาพ เอไอเอ ประเทศไทย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่