ทำความรู้จักกับ growth mindset กุญแจสู่ความสำเร็จ

หลายคนกล่าวว่า “จะเก่งแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่า MINDSET ที่ดี” ที่ช่วยต่อยอดความเก่งไปได้อีกไกล โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกๆ วัน การมี MINDSET ที่ดี จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จในการทำงาน ให้คุณพัฒนาตัวเองต่อไปได้เรื่อยๆ แม้ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม

เรารู้กันดีว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเท่าเทียมกันมาแต่ต้น ยกตัวอย่างความสำเร็จของเด็กบางกลุ่มที่มีปัจจัยภายนอกช่วยเหลือสามารถเข้าถึงโอกาสได้มากกว่าเด็กอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นมนุษย์เรายังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดในโลก ทัศนคติเป็นสิ่งที่ได้รับการวิจัย และวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าสามารถทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จได้แม้ว่าต้นทุนน้อยกว่าก็ตาม

จากผลวิจัยในประเทศชิลีพบว่านักเรียนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดีแต่มีชุดความคิดแบบเติบโตสามารถมีความรู้ทางวิชาการได้เทียบเท่ากับนักเรียนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคมที่ดี ต่างจากเด็กที่มีชุดความคิดแบบตายตัวมากเกินไปเขาจะคิดว่าก็เรามีต้นทุนแค่นี้ และไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำได้ดีกว่าเด็กที่ทางบ้านฐานะดีทำให้เขาไม่มองหาโอกาสไหนเลย หรือผลการวิจัยทางสุขภาพในบรรดาเด็กที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เด็กที่มีชุดความคิดแบบตายตัวจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเด็กที่มีชุดความติตแบบเติบโต ที่ผลเป็นแบบนี้นักวิจัยวิเคราะห์ว่าเด็กที่มีชุดความคิดแบบตายตัวเชื่อว่าอาการป่วยถูกกำหนดไว้แล้วด้วยพันธุกรรม พวกเขาไม่สามารถไปเปลี่ยนอะไรได้มากนัก เด็กกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือไม่ใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง

คุณครูอาจจะสงสัยว่าแล้วชุดความคิดแบบเติบโต และตายตัวที่พูดถึงคืออะไร ?

ที่มา อักษรเจริญทัศน์ อจท.

ชุดความคิดแบบตายตัว (Fixed Mindset)

เชื่อว่าสติปัญญา และความสามารถของแต่ละคนมีจำกัด คนที่ใช้ชีวิตด้วยชุดความคิดประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงความท้าทาย และความล้มเหลว ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาได้พรากเอาช่วงชีวิตที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ และการเรียนรู้ไปจากตัวเอง

ชุดความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset)

เชื่อว่าเราสามารถพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ และเติบโตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดหากฝึกฝนอดทน และเพียรพยายามคนที่ดำเนินชีวิตด้วยชุดความคิดประเภทนี้จะรับมือสิ่งท้าทายด้วยความเข้าใจว่าความผิดพลาดหรือความล้มเหลวเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เราเติบโต

หากอยากรู้ว่าคุณมีชุดความคิดแบบไหนมากกว่ากัน ลองทำแบบประเมินนี้ดู!!

>> https://bit.ly/3Ba7jyu

ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้หมายความว่าการมีชุดความคิดแบบเติบโตมากเกินไปจะดีที่สุด นี่เป็นเพียงชุดความคิดหนึ่งที่ช่วยปรับทัศนคติของคุณครู และเด็ก ๆ ให้มองโลกในแง่ดี และมองหาโอกาสในชีวิตมากขึ้นจนส่งเสริมไปถึงการวิเคราะห์ และรับมือกับปัญหา เรียนรู้ที่จะมีชีวิตของตัวเองได้อย่างดีในอนาคต และชุดความคิดแบบตายตัวก็ไม่ได้ไม่มีข้อดี มันเป็นชุดความคิดที่ทำให้เราไม่มองข้ามความเป็นจริงไปเช่นกัน

คุณครูสามารถเริ่มปลูกฝังชุดความคิดแบบเติบโตเพื่อให้เด็กไม่ยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ ได้ โดยเริ่มต้นจากการพูดเท่านั้น เช่นสถานการณ์นี้ คุณครูเรียกเด็กคนหนึ่งมาตอบคำถามหน้าห้อง แต่เด็กตอบไม่ได้

สิ่งที่ไม่ควรพูดคือ “เพราะเธอไม่ตั้งใจเรียนใช่ไหม” หรือ “ไม่ได้คาดหวังให้เธอตอบได้หรอก เล่นในห้องแบบนี้”

แต่ลองเปลี่ยนเป็น “ลองกลับไปทบทวนดูนะ รอบหน้าหนูต้องตอบได้แน่!”

นักเรียนคนนั้นจะมีความคิดที่จะลองเรียนรู้ดูอีกครั้ง ไม่คิดแค่ว่าก็ฉันไม่ถนัดเรื่องนี้ หรือไม่ชอบคุณครูที่เรียกออกมาจนไม่ชอบวิชานี้ไปเลย (ที่มา อักษรเจริญทัศน์ อจท.)

ที่มาภาพ https://www.freepik.com/

กรอบความคิด วิธีคิด หรือ Mindset หลัก ๆ ของคนเราออกเป็น 2 ประเภท คือ Fixed mindset และ Growth mindset ตามการศึกษาของ Carol Dweck นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา

คนที่มักมี Fixed mindset นั้น จะเชื่อว่าความสามารถต่าง ๆ ความเก่ง และความฉลาดของพวกเขาถูกกำหนดมาไว้แล้ว ดังนั้นแม้จะพยายามแค่ไหนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก พูดง่าย ๆ ว่าถ้าเกิดมาเป็นคนฉลาด ยังไงก็จะฉลาด แต่ถ้าเกิดมาโง่ พัฒนาแค่ไหนก็สู้คนฉลาดไม่ได้อยู่ดี คนเหล่านี้เชื่อในความฉลาด แต่มักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความพยายามและการทำงานหนัก คนเหล่านี้ต้องการแสดงออกว่าเป็นคนเก่งและฉลาดเสมอ พวกเขากลัวที่จะถูกคนอื่นมองว่าโง่

ในทางตรงกันข้าม คนที่มี Growth mindset จะเชื่อในการพัฒนาตัวเอง การเรียนรู้ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะทำให้พวกเขากลายเป็นคนเก่งและมีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาเชื่อว่าความพยายาม การทำงานหนักคือพาหนะที่จะพาไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นคุณจึงมักจะเห็นคนเหล่านี้ใช้เวลาไปกับการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ การพัฒนาตัวเอง เพื่อผลักดันให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขามองว่าแต่ละคนแตกต่างกัน เกิดมาพร้อมกับคุณสมบัติตั้งต้นไม่เหมือนกัน พวกเขาจึงมักเคารพในจุดแข็งที่แตกต่างกันของผู้คน และเชื่อว่าทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งได้

วิธีพัฒนา Growth Mindset

เราสามารถพัฒนาตนเองให้มี MINDSET ที่ดี เพื่อก้าวสู่การประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ซึ่งการพัฒนา มีหลากหลายวิธี เราสามารถเลือกใช้วิธีที่ถูกจริตและได้ผลสำหรับเราได้

ที่มาภาพ https://www.freepik.com/

1. เปิดใจยอมรับจุดอ่อนของตัวเอง เมื่อคุณเปิดใจมองดูตัวเองอย่างเป็นกลาง คุณจะมองเห็นบางด้านที่เป็นจุดอ่อน เช่น หากคุณรู้ตัวว่าตัวเองชอบผัดวันประกันพรุ่ง และมักทำให้ทำงานล่าช้าเกินกำหนด ทุกครั้งผลงานออกมาก็ไม่ดีเท่าที่ควร ต่อไปคุณก็จะสามารถวางแผนเพื่อพัฒนาตัวเองให้ทำงานโดยมีแผนล่วงหน้ามากขึ้น

2. มองว่างานยากและปัญหาคือโอกาส งานยากจะดึงศักยภาพของคุณออกมา โดยธรรมชาติคนเรามักจะมีความกลัวล้มเหลวเมื่อต้องรับโอกาสท้าทายใหม่ ๆ ที่คุณยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ แต่หากคุณเอาแต่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและงานง่ายของตัวเอง คุณจะไม่ได้พัฒนาและเติบโตไปไหน ดังนั้น ปัญหาและงานยากคือพาหนะที่จะพาคุณให้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ

3. ใช้กลยุทธ์การเรียนรู้ที่ถูกจริตกับตัวเอง คนเรามีวิธีการเรียนรู้ที่ได้ผลไม่เหมือนกัน คุณเลียนแบบวิธีการคนสำเร็จได้ แต่ผลลัพธ์ตอนท้ายอาจไม่เหมือนกัน บางคนแค่เพียงอ่านหนังและจับประเด็นได้บางเรื่อง ก็สามารถต่อยอดได้ บางคนเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากห้องเรียนที่มีคนมาสอนแบบละเอียด บางคนเรียนรู้ได้จากการลงมือทดลองทำด้วยตัวเอง แต่จากการวิจัยพบว่า คนที่มี Growth mindset จะสามารถใช้ได้หลากหลายวิธี เพราะทัศนคติที่ไม่ปิดกั้นสิ่งใหม่ ๆ นั่นเอง

4. จำไว้ว่าสมองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ ตลอดชีวิตสมองของมนุษย์เรามีการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ อยู่ตลอด ผู้เชี่ยวชาญด้าน Neuroplasticity ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างในสมองของเราจัดระเบียบใหม่ได้เอง แสดงให้เห็นว่า คนเราสามารถปรับแต่งตัวเองไปทางไหนก็ได้ จากต้นทางที่เราเกิดมาเริ่มแรก ซึ่งสนับสนุนแนวคิดแบบ Growth mindset ที่ความคิดของคุณเองต้องไม่ปิดกั้นศักยภาพการเรียนรู้ของสมองด้วยการไม่ยอมพัฒนา

5. ให้คุณค่ากับการเรียนรู้มากกว่าคำชม ในระหว่างทางที่คุณกำลังพัฒนาตัวเอง ผลลัพธ์อาจจะยังไม่ได้ออกมาดีจนคนอื่นจะชื่นชม ดังนั้นหากคุณมัวแต่ให้คุณค่ากับคำชม ใจคุณจะฝ่อและหมดกำลังใจตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา บางคนที่ประสบความสำเร็จต้องพยายามเป็นร้อยครั้ง ถูกปฏิเสธหลายสิบที่ แต่พวกเขาก็ยังไม่ละความพยายาม แต่ตั้งคำถามกับตัวเองแทนว่า ครั้งนี้ได้เรียนรู้เรื่องอะไร และครั้งต่อไปจะต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้พลาดเหมือนเดิมอีก

6. สนใจที่กระบวนการระหว่างทางมากกว่าผลลัพธ์ปลายทาง การสนุกกับระหว่างทางของการพัฒนาจะช่วยให้คุณเดินต่อไปได้เรื่อย ๆ หากคุณจดจ่อแต่ปลายทางว่าเมื่อไหร่จะถึง ๆ คุณอาจหมดสนุก ท้อ และเลิกทำไปก่อนในที่สุด คนที่มี Growth mindset มักจะสนุกกับกระบวนการเรียนรู้ของตัวเอง รู้สึกดีที่เห็นตัวเองเชี่ยวชาญขึ้นเรื่อย ๆ คล่องขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะมีติดขัดบ้าง มากกว่าจะกดดันตัวเองให้ต้องสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

7. เน้นเรียนรู้อย่างมีคุณภาพมากกว่าปริมาณ การเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะสามารถเร่ง ๆ หรือเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด แต่คือกระบวนการที่คุณต้องเน้นความเข้าใจ ตกผลึก และทดลองใช้จริง บางครั้งคุณจำเป็นต้องผ่านความผิดพลาดหรือล้มเหลว เพื่อก่อร่างเป็นองค์ความรู้เฉพาะตัว ดังนั้นอย่าใจร้อนเกินไป

8. เปิดใจรับคำวิพากษ์และ Feedback การเปิดใจรับคำวิพากษ์วิจารณ์หรือ Feedback นั้นค่อนข้างยาก แต่สิ่งเหล่านี้คือวัตถุดิบชั้นดีในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ส่วนใหญ่ผู้คนรอบตัวมักจะหวังดีและปรารถนาที่จะช่วยชี้จุดที่คุณอาจมองไม่เห็นตัวเอง ขอเพียงอย่าเก็บเอามาคิดเล็กคิดน้อยหรือน้อยใจ เพราะนั่นคือทางที่คุณจะพัฒนาขึ้น

9. ชื่นชมคนที่ความพยายามมากกว่าคุณสมบัติส่วนตัว ข้อนี้จะเป็นการฝึกตัวคุณเองเพื่อให้ความสำคัญกับความพยายาม การกระทำ มากกว่าคุณสมบัติที่ติดตัวมา เช่น ความสวย ความหล่อ หรือความฉลาด ซึ่งจะทำให้คุณชื่นชมตัวเองในแง่ของความพยายามและความมุ่งมั่นเช่นกัน

10. ปรับทัศนคติต่อคำว่า “ต้องปรับปรุง” เพียงแค่คุณได้รับ feedback ว่าต้องปรับปรุงบางด้าน ไม่ได้แปลว่าทุกด้านของคุณจะเลวร้าย เป็นคนไร้ความสามารถ หรือชีวิตล้มเหลว ปรับมุมมองต่อคำว่าต้องปรับปรุงให้เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอทั้งนั้น และหยิบสิ่งเหล่านั้นมาเรียนรู้และพัฒนา

ขอบคุณที่มา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่